ดูละครเรื่องโปรด ถึงตอนที่ผู้หญิงที่ชอบพระเอกเพิ่งจะรู้ตัวว่าหลอกตัวเองว่าพระเอกชอบมาตลอด ส่วนผู้ชายที่หลงรักนางเอกก็ได้รู้ตัวว่าหลอกตัวเองว่าสักวันคงมีโอกาสที่นางเอกจะมารัก พอได้รู้ความจริง คนหลอกตัวเองทั้งสองคนก็มานั่งปรับทุกข์กัน ดูๆไปก็สนุกดี แต่ก็ทำให้เกิดความสงสัยว่า “หลอกตัวเอง” เป็นยังไงนะ คืออะไร แล้วเราหล่ะ หลอกตัวเองเหมือนตัวละครทั้งสองคนนั้นรึเปล่า
หลอกตัวเองน่าจะเป็นการไม่ยอมรับความจริง คือการที่เห็นความจริงอยู่ตรงหน้าแต่ก็ยังปฏิเสธ ยังคิดเข้าข้างตัวเอง แล้ววันนี้เราหลอกตัวเองอย่างไรบ้าง ตอนเช้าตื่นมาเห็นผมขาวที่เพิ่งขึ้นยังเป็นเส้นเล็กๆก็รีบถอนออก เพราะพยายามหลอกตัวเองว่าเรายังไม่แก่ ถ้าเราไม่มีผมขาวเราก็จะดูเด็กลง เราทาครีมบำรุงที่มีสรรพคุณลดริ้วรอยทุกวัน ราคาแพงแค่ไหนก็ยอมซื้อมาใช้ เพราะเราปฏิเสธว่าผิวหน้าเรามีริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัย เราหยอดยาแก้แพ้ที่ตาเพราะหมอบอกว่าเรามีอาการแพ้ที่ตา ตาจะผลิตเมือกมากกว่าปกติและทำให้ตาบวม เราจึงพยายามหยอดตาเพราะหวังว่าถุงใต้ตาที่บวมจะลดลงด้วย ทั้งๆที่มันน่าจะเกี่ยวกับวัยมากกว่าอาการแพ้
ลูกคนเล็กเริ่มโตขึ้น เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัว จากที่เคยนอนกับแม่ทุกวันก็ขอปูที่นอนหน้าเตียงแม่เพื่อนอนคนเดียวบ้างเป็นบางวัน เริ่มมาให้กอดให้หอมน้อยลง แทนที่เราจะยอมรับว่าลูกเริ่มโตและต้องการจะพึ่งตัวเองมากขึ้น เรากลับหลอกตัวเองและพยายามจะดึงลูกกลับมาด้วยการเรียกมากอดมาหอม ถ้าลูกไม่มาเราก็จะโกรธจนลูกต้องมาอย่างไม่เต็มใจ เราหลอกตัวเองว่าลูกยังเด็กยังต้องพึ่งเราทุกอย่าง หลอกตัวเองว่าลูกเป็นของเรา ทั้งที่ในที่สุดแล้วสักวันเค้าก็ต้องไปใช้ชีวิตของเค้าตามที่เค้าต้องการ
หรือการที่เรายังทำตัวสบายๆไปวันๆโดยไม่รีบทำในสิ่งที่ควรจะทำ เพราะเรายังหลอกตัวเองว่าเรายังมีเวลาอีกนานที่จะทำสิ่งเหล่านั้น เราปฏิเสธความจริงที่ว่าเราอาจจะตายตอนไหนก็ได้ เราปฏิเสธผลกระทบมากมายที่จะเกิดขึ้นหากเราเป็นอะไรไปโดยที่ไม่ได้เตรียมพร้อม นึกถึงแม่ที่กำลังป่วย ซึ่งอาการป่วยก็ยังทรงๆและต้องรับยาอย่างต่อเนื่อง จริงๆแล้วเราเป็นห่วงแม่เพราะโรคที่เป็นนั้นร้ายแรง เราไม่เพียงแต่ไม่เตรียมใจ แต่เรายังหลอกตัวเองว่าแม่เราจะอาการดีขึ้น จะไม่เป็นอะไร เดี๋ยวเราก็จะกลับเมืองไทยไปหาแม่ตอนลูกปิดเทอม เราปฏิเสธว่าระหว่างที่เรารอจะกลับเมืองไทย อะไรมันก็เกิดขึ้นได้
นี่เราหลอกตัวเองแทบจะตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นนอน จนกระทั่งเข้านอนเราก็ยังหลอกตัวเองว่าเราจะตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ แล้วจะทำอย่างไรดีถึงจะเลิกหลอกตัวเองได้ซะที นึกถึงสาเหตุที่เราไม่ยอมรับว่าร่างกายตัวเองเริ่มเสื่อมเพราะเราคิดว่าร่างการนี้เป็นของเรา เราปักเที่ยงว่าเราจะควบคุมมันไม่ให้เสื่อมได้ ที่เราปฏิเสธว่าลูกเริ่มโตและเริ่มเดินออกห่างเราไป เพราะเราคิดว่าลูกจะเป็นของเราตลอดไป ที่เราไม่เตรียมพร้อมไม่รีบทำสิ่งที่ควรทำ ไม่เตรียมใจกับความสูญเสีย เพราะเราปฏิเสธที่จะมอง ทุกข์ โทษ ภัย ของสิ่งที่จะเกิดขึ้น
อย่างนี้นี่เอง แสดงว่ายารักษาอาการโรคหลอกตัวเอง ก็คือการพิจารณาความไม่เที่ยง พิจารณาทุกข์โทษภัย และการพิจารณาตนและของของตน ตามหลักคำสอนเรื่องไตรลักษณ์ของพระพุทธเจ้า นี่สินะคือยาวิเศษที่จะทำให้เรามองเห็นความจริง ยอมรับความจริง และเลิกหลอกตัวเองได้ในที่สุด เมื่อเลิกหลอกตัวเองได้ก็ไม่ต้องมานั่งทุกข์และปรับทุกข์กับใครเหมือนในละคร ต่อไปจะพิจารณาให้มากขึ้นให้บ่อยขึ้น เพื่อให้หายขาดจากโรคหลอกตัวเองที่กำลังเป็นอยู่ซะที