ได้ไปดูละครเพลงเรื่อง The little mermaid ซึ่งแสดงโดยนักเรียนจาก Elementary School ที่ลูกเรียนอยู่เพราะลูกสาวอยากไปดูเพื่อนแสดง เด็กๆเก่งมากแสดงดีร้องเพลงได้ดี ฉากแสงเสียงก็ทำอย่างมืออาชีพ ดูถึงตอนที่ Ariel บ่นกับเพื่อนที่เป็นปลาว่า “I wish father would understand that we look at the same things differently” (ฉันอยากจะให้พ่อเข้าใจว่าเรามองสิ่งเดียวในทางที่แตกต่างกัน) รู้สึกสะดุดใจทันทีว่า นี่สินะคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดที่ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆตามมามากมายจนทำให้ Arial เกือบจะต้องไปเป็นทาสของแม่มดไปทั้งชีวิต
นึกถึงเวลาที่เรามีปัญหาไม่เข้าใจกันหรือทะเลาะกับลูก มันก็มักจะเกิดจากการมองสิ่งเดียวกันแต่มองแตกต่างกันหรือมองกันคนละประเด็น เช่นเมื่อเร็วๆนี้เป็นวันที่ต้องเอาถังขยะไปวางหน้าบ้านแล้วบังเอิญว่าวันนั้นอากาศเย็นมากและเป็นเวรของลูกสาวคนโตซึ่งเริ่มมีอาการเจ็บคอที่จะต้องเป็นคนเอาถังขยะออกไป เราจึงเตือนให้ลูกใส่ Jacket แต่ลูกบอกว่าออกไปแป๊บเดียวไม่ต้องใส่หรอก เถียงกันอยู่นานพอสมควรเพราะเรามีประเด็นว่าไม่สบายไม่ควรปล่อยให้ตัวเองหนาว แต่ลูกก็เถียงในประเด็นว่าระยะเวลาที่ต้องออกไปมันไม่นาน วันนั้นจึงหาข้อสรุปไม่ได้ สุดท้ายเราจึงเอาชนะด้วยการเป็นคนเอาขยะออกไปเองอย่างไม่ค่อยพอใจ
กับลูกคนเล็กก็มักจะมีปัญหากันเรื่องการดูทีวี เราอยากจะให้ลูกดูทีวีน้อยลงและไปทำอย่างอื่นบ้างซึ่งประเด็นของเราคือใช้เวลาดูทีวีให้น้อยลง แต่ลูกก็จะให้เหตุผลว่าเค้าทำทุกอย่างเสร็จแล้วจึงมาดูทีวี ดังนั้นเมื่อเราเห็นลูกนั่งดูทีวีเราก็จะเกิดความไม่พอใจเพราะเรามีความคิดเห็นในเรื่องการดูทีวีที่แตกต่างกัน หรือเรื่องที่ลูกมาขอนอนดึกในวันที่ไม่ต้องไปโรงเรียน เราจะไม่พอใจเพราะเราคิดว่าลูกจะพักผ่อนไม่เพียงพอแต่ประเด็นของลูกอยู่ที่น่าจะนอนดึกได้ถ้าวันต่อไปไม่ต้องตื่นเช้า หรือเรื่องที่ลูกไม่กินผัก เราอยากให้ลูกทานอาหารที่มีประโยชน์ได้สารอาหารครบแต่ลูกจะบอกว่าไม่อร่อยไม่อยากกิน เห็นได้ชัดเลยว่าในเรื่องเดียวกันแต่แม่กับลูกต่างคิดกันไปคนละทางถึงได้คุยกันไม่รู้เรื่อง
เมื่อรู้ว่าสาเหตุว่าความขัดแย้งมักจะมาจากการมองต่างมุมก็พยายามเตือนตัวเองว่าลูกอาจจะมองเรื่องเดียวกันไปในอีกมุมหนึ่ง หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์มาทดสอบโดยทางโรงเรียนของลูกคนเล็กจะมีกิจกรรมในงาน Teacher Appreciation day จึงขออาสาสมัครจากผู้ปกครองเพื่อมาดูแลเด็กๆในช่วงเวลาพัก จึงถามลูกว่าจะให้แม่อาสาไม๊ลูกบอกว่าไม่ให้อาสา แต่เราคิดในมุมของเราว่าถ้าเราสามารถช่วยโรงเรียนได้เราก็ควรทำแล้วทำไมลูกถึงไม่อยากให้เราช่วยทางโรงเรียน กำลังจะอบรมลูกเรื่องการช่วยเหลือส่วนรวมก็นึกขึ้นได้ว่า ลูกอาจจะมองเรื่องนี้อีกมุมหนึ่งซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ลูกไม่อยากให้เราไปเพราะการดูแลเด็กๆช่วงพักนั้น ด้วยความซนของเด็กวัยนี้คนดูแลมักจะต้องมีการเตือน การห้าม การดุเด็กที่เล่นซน ลูกไม่อยากให้เพื่อนๆไม่ชอบแม่ที่แม่ดุเลยไม่อยากให้แม่อาสา แต่ถ้าเป็นงานอื่นเวลาอื่นก็อาสาได้ เรื่องจึงจบลงด้วยดีโดยที่เรารับฟังลูกและช่วยโรงเรียนด้านอื่นแทน
ต่อไปคงต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอทุกครั้งเมื่อเกิดความขัดแย้งว่า เราขัดแย้งกันในประเด็นเดียวกันหรือคนละประเด็น พยายามมองในมุมของลูกและไม่เอามุมมองของตัวเองมาตัดสินทุกเรื่อง คงจะลดความขัดแย้งระหว่างแม่ลูกลงไปได้เยอะทีเดียว