ห้องนอนของเรา

นับเป็นเวลาร่วมเดือนตั้งแต่ออกจากบ้านเพื่อเดินทางกลับเมืองไทยที่เราแทบจะไม่ได้นอนในห้องนอนของเรา บนเตียงของเราที่ปูด้วยเครื่องนอนที่เราเลือกซื้ออย่างดีมากับมือ เริ่มตั้งแต่ก่อนกลับไทยได้ไปแวะค้างบ้านเพื่อนที่ California ซึ่งเพื่อนก็เตรียมห้องนอนชั่วคราวไว้ให้ จากนั้นก็ต้องมานอนบนเครื่องบินที่หาความสบายแทบไม่ได้หลับบ้างไม่หลับบ้างปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว เมื่อถึงไทยวันแรกก็เกิดเหตุให้เราต้องพาคุณแม่ไปโรงพยาบาล บางคืนก็อาศัยนอนที่บริเวณนั่งรอหน้าห้อง ICU โดยเอาเก้าอี้มาต่อกันแล้วนอน เมื่อคุณแม่ย้ายไปห้องธรรมดาก็ไปนอนเฝ้าที่โรงพยาบาล มีเพียงโซฟาในห้อง หมอน 1 ใบและผ้าห่ม 1 ผืน

พอคุณแม่ออกจากโรงพยาบาลก็สลับกับน้องสาวมานอนเฝ้าข้างเตียงคนไข้ที่อยู่ชั้นล่างที่บ้านคุณแม่ ซึ่งไม่มีที่พอวางเตียงคนเฝ้าจึงต้องใช้เตียงผ้าใบสำหรับนอนในเต็นท์เวลาเดินป่ามากางนอนซึ่งแข็งมาก คืนแรกนอนแทบไม่ได้แต่คืนต่อๆไปก็นอนได้ วันไหนที่ได้กลับไปนอนที่บ้านก็เหนื่อยจนหัวถึงหมอนก็หลับไม่ได้มีเวลาชื่นชมความนุ่มความสบายของเตียงเลย มันทำให้เรารู้สึกว่า นี่ไง ถึงแม้ไม่ได้นอนบนเตียงตัวโปรดหรือใช้เครื่องนอนที่นุ่มลื่นหรือห่มผ้าห่มแบบที่เราชอบ เราก็นอนหลับพักผ่อนได้เพียงแค่มีที่นอนเป็นพอ นั่นหมายความว่า สิ่งที่เราต้องการจริงๆคือที่สำหรับนอน ไม่ใช่ห้องนอนสวยๆเครื่องนอนดีๆ เหมือนที่เราเข้าใจมาโดยตลอด

มานึกถึงสิ่งที่ช่วงนี้เราต้องใช้เพราะความจำเป็นไม่ได้ใช้เพราะความต้องการมีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น กระเป๋าถือที่เราใช้ตอนนี้มีเอาไว้สำหรับใส่ของที่จำเป็นให้ได้ครบทุกอย่างเป็นพอ เช้ามาหยิบออกจากบ้านได้ทันทีโดยไม่ได้คิดถึงความสวย ยี่ห้อ ดีไซน์ อะไรทั้งนั้น รองเท้าก็ใช้คู่ที่เดินสะดวกที่สุดสลับกับคู่ที่เปียกได้ไว้ใส่เวลาฝนตก เสื้อผ้าที่มีอยู่เต็มตู้ก็ใช้แค่บางส่วนเพราะช่วงนี้ยังเน้นแต่งสีดำจึงใช้เสื้อผ้าสีดำวนไป เครื่องอาบน้ำที่เราเคยต้องใช้ยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ แต่ในวันที่ต้องไปค้างที่โรงพยาบาลมีโอกาสแค่ได้ไปเลือกซื้อเครื่องอาบน้ำจากร้านสะดวกซื้อแถวนั้นมาใช้และยังคงใช้มาตลอดไม่ว่าจะไปนอนเฝ้าคุณแม่ที่โรงพยาบาลหรือที่บ้านคุณแม่ เครื่องสำอางที่มีมากมายก็แทบจะไม่ได้ใช้ ทาแค่ครีมบำรุงและครีมกันแดดเท่านั้น

ก่อนจะกลับไทยคิดไว้ในใจว่าอยากจะไปทานอาหารที่ไหนและอาหารประเภทไหนบ้างเยอะแยะมากมาย ตอนนั้นรู้สึกว่าอยากทานอาหารที่เมืองไทยมากยังไงก็จะต้องไปทานอาหารที่เราเคยชอบให้ได้ แต่เมื่อกลับมาจริงๆโอกาสไม่เอื้ออำนวยให้เราไปตระเวนหาอาหารอร่อยๆทานเหมือนที่ตั้งใจไว้ จะได้ทานก็แต่อาหารแถวๆโรงพยาบาล ทานอะไรก็ได้ที่เร็วๆ สะดวก หรือแม้แต่ทานอาหารคนไข้ที่เหลือจากคุณแม่เพราะความเสียดาย ซึ่งก็อิ่มได้และช่วยให้มีแรงทำหน้าที่ของตัวเองได้ต่อไป มาถึงตอนนี้พอนึกถึงอาหารร้านต่างๆที่เราอยากจะไปทาน ก็รู้สึกเฉยๆ ความอยากมันหายไปเอง ทานก็ได้ไม่ได้ทานก็ไม่เป็นอะไร

นี่เราสร้างให้สิ่งที่ไม่จำเป็นกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตตลอดมา เราให้ค่าสิ่งที่จริงๆแล้วไม่ได้มีค่าเพื่อสร้างความอยากให้ตัวเองและพยายามสนองความอยากที่เราสร้างขึ้นเองอย่างนั้นหรือ สิ่งต่างๆที่เราอยากได้อยากมี ขวนขวายหาซื้อมาครอบครอง จะมีซักกี่ชิ้นกี่อย่างที่เราจะได้ใช้ในยามที่จำเป็นจริงๆบ้าง ชีวิตในโรงพยาบาลและชีวิตการเฝ้าไข้ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันทำให้เห็นถึงสิ่งจำเป็นในชีวิตอย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้เราพิจารณาเรื่องวัตถุสมบัติมาตลอดแต่ไม่เคยได้ความรู้สึกจริงๆแบบครั้งนี้ เห็นอะไรก็ยังมีความอยากได้อยากมี เช่นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ก็ยังซื้อหามาอยู่เรื่อยๆ มาวันนี้ สามารถเดินผ่านร้านเสื้อผ้า รองเท้า โดยไม่ได้มีความรู้สึกอยากได้หรืออยากเดินเข้าไปดู อาหารทุกวันนี้ก็ตามความอยากทานของคุณแม่เพราะอยากให้คุณแม่ได้ทานเยอะๆ เราทานอะไรก็ได้ ของเหลือของคุณแม่ก็ได้ ของใช้ต่างๆ เครื่องอาบน้ำเครื่องสำอางค์ที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็ยังคงเหมือนที่เราใช้ตอนเฝ้าไข้

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะได้กลับไปนอนที่บ้านในห้องนอนของตัวเองแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้รู้สึกว่านุ่มสบายกว่าเตียงผ้าใบหรือเตียงเฝ้าไข้มากมายเหมือนที่รู้สึกตอนแรกๆ ถึงจะมีเวลาพอจะปลีกตัวไปทานอาหารที่ชอบได้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นจะต้องไป ตั้งแต่กลับมาก็ยังไม่ได้ซื้อของฟุ่มเฟือยอะไร รู้สึกได้ว่าเรานึกถึงความต้องการของตัวเองน้อยลง ได้รู้ว่าอะไรคือสิ่งจำเป็นกับการดำรงชีวิต อะไรคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมากระตุ้นความอยากของตัวเอง ประสบการณ์ครั้งนี้ช่างมีค่านัก จะจำความรู้สึกนี้ไว้เตือนตัวเองและเอาไว้พิจารณาเรื่องวัตถุสมบัติอย่างต่อเนื่องต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *