ตอนนี้มีความรู้สึกว่า ชีวิตของเราโลดแล่นไปด้วยคำว่า “หน้าที่” สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันก็ทำตามหน้าที่ วันธรรมดาทำหน้าที่ลูก เสาร์อาทิตย์ทำหน้าที่แม่ เวลาของชีวิตช่วงนี้ถูกกำหนดด้วยเวลาของคนอื่น เวลาตื่นก็ขึ้นอยู่กับเวลาที่น้องกับพ่อต้องออกไปทำงาน เวลาที่จะได้กลับบ้านก็ตามเวลาที่คนไปทำงานกลับถึงบ้าน เค้ากลับมาช้าเราก็ได้กลับบ้านช้าไปด้วย เสาร์อาทิตย์ก็แล้วแต่ลูกว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องพาไปไม่ว่าเราจะอยากไปหรือไม่ก็ตาม และในอีกไม่เกินสองอาทิตย์ก็ต้องกลับอเมริกาเพื่อทำหน้าที่แม่ไปดูแลลูกต่อไป
ความรู้สึกตอนนี้รู้สึกหมดพลัง หมดแรงที่ต้องทำหน้าที่ ต้องทำตามความต้องการของคนอื่นตลอดเวลา เวลาส่วนตัวแทบจะไม่มี บางวันคิดมากจนร้องไห้พาลคนรอบข้างจนกระทั่งนอนไม่หลับทั้งคืนก็มี ไม่เหมือนช่วงที่กลับมาไทยใหม่ๆที่มีพลัง ถึงแม้จะเพิ่งเดินทางมาถึง ยังปรับเวลาไม่ได้ แต่ก็กินอิ่ม นอนหลับ อารมณ์ดีได้แม้จะเจอเหตุการณ์ร้ายๆ แล้วตอนนี้เราเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงหดหู่ ซึมเซา เหน็ดเหนื่อย หมดพลังเช่นนี้
มองดูชีวิตคนรอบตัว สามีก็ต้องทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวหารายได้เพื่อส่งให้ลูกและภรรยา ทำหน้าที่ลูกดูแลคุณแม่อยู่ที่เมืองไทยจึงเป็นเหตุที่ทำให้ไปอยู่อเมริกากับครอบครัวไม่ได้ แม่บ้านที่บ้านก็ไม่ได้มีความสุขกับการทำงานแต่ก็ต้องทนทำหน้าที่ต่อไปเพื่อเงินเดือนที่ค่อนข้างสูงเพราะทำงานที่นี่มานาน คุณพ่อที่เลยวัยเกษียณมาเกือบสิบปีแต่ก็ยังต้องทำงานเพราะหน้าที่สามีและหัวหน้าครอบครัวเนื่องจากโรคที่คุณแม่เป็นนั้นค่ารักษาพยาบาลสูงมาก น้องสาวและน้องเขยก็ต้องทำงานตามหน้าที่ทำให้ต้องกลับบ้านมืดค่ำ เดินทางกันเป็นว่าเล่น นอกจากนั้นยังต้องทำหน้าที่ลูกมานอนเฝ้าคุณแม่เกือบทุกคืนและยังทำหน้าที่แม่ดูแลลูกที่ยังเล็กอีกด้วย ชีวิตทุกคนเหมือนจะต้องทำหน้าที่ของตนอยู่ตลอดเวลา
มองไกลออกไปถึงชีวิตของคนในสังคม คนในทุกประเทศ คนในโลก ทุกคนล้วนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบกันทั้งนั้น แม้แต่สัตว์ก็ยังต้องมีหน้าที่ของมันมีบทบาทแตกต่างกันไป แล้วคนที่ไม่ต้องรับผิดชอบไม่ทำต้องหน้าที่หล่ะ ก็มีตัวอย่างให้เห็นว่าคนที่อยู่ไปวันๆ ไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบอะไร ไม่ต้องทำหน้าที่ลูก ไม่มีลูกให้ต้องทำหน้าที่พ่อ ไม่มีครอบครัวที่ต้องดูแล ไม่มีงานให้ต้องทำตามหน้าที่ เรียกได้ว่าใช้ชีวิตไปเรื่อยๆแทบจะไม่ได้มีความหมายกับใคร เป็นชีวิตที่ไม่ปกติ และช่างเป็นชีวิตที่น่าเศร้ามากกว่าคนที่มีภาระหน้าที่ให้รับผิดชอบหลายเท่านัก
นี่แสดงว่าภาระหน้าที่ไม่ว่าจะหน้าที่อะไรก็ตามมันคือความจริง มันคือสิ่งที่ไม่ว่าคนหรือสัตว์ที่เกิดมาก็ต้องมี การอยู่โดยไม่มีภาระหน้าที่รับผิดชอบคือการผิดธรรมชาติ ดังนั้นการที่เราต้องทำหน้าที่ตลอดเวลามันคือความจริง มันคือธรรมชาติ แต่การที่เราเอาความต้องการ เอาความอยาก ของเรามาเป็นหลัก จนทำให้เรารู้สึกว่าไม่อยากทำหน้าที่แต่กลับอยากทำตามความต้องการของตัวเองต่างหากที่ไม่ใช่ความจริง เป็นสิ่งที่เราคิดไปเอง คิดเข้าข้างตัวเอง และมองจากมุมของตัวเอง จนเกิดความรู้สึกว่าโดนกระทำไม่ได้รับความยุติธรรม การที่เรายึดเอาตัวเองเป็นหลักทำให้เรามองเห็นความจริงผิดเพี้ยนไปมากมายจนทำให้ตัวเองต้องทุกข์จากการคิดไปเองของตัวเองได้ขนาดนี้เชียวหรือ
ต่อไปเมื่อเราเกิดความทุกข์จะพยายามมองให้เห็นว่าทุกข์นั้นเกิดจากอะไร เราเห็นอะไรผิดไป พยายามมองจากมุมอื่นนอกจากมุมของตัวเองเพื่อให้เห็นความจริง ความเป็นไป และธรรมชาติของโลก ไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดเดิมๆ ถอยออกมามองภาพรวม เพื่อแก้ความเห็นผิดของตัวเอง เพื่อให้หลุดจากทุกข์ที่เกิดขึ้นจากตัวเองเช่นที่เกิดขึ้นในครั้งนี้