วันนึงนั่งคุยกับลูกสาวคนเล็กเรื่องทั่วๆไป พอดีนึกขึ้นได้เลยบอกลูกว่าเราจะไปดูคอนเสิร์ตเพราะหาบัตรคอนเสิร์ตของศิลปินที่เราชอบได้แล้ว ซึ่งลูกรู้ว่าแม่ชอบศิลปินคนนี้อยากไปดูคอนเสิร์ตและบัตรก็หายากมาก สิ่งที่ได้เห็นจากลูกคือ ดวงหน้าที่สว่างไสวตาเป็นประกายพร้อมกับยิ้มกว้างแล้วก็พูดออกมาว่า “Mommy!!!… I’m so happy for you!” สิ่งที่ลูกแสดงออกมาทำให้เราอึ้ง มันบริสุทธิ์มากๆ รู้สึกได้เลยว่าลูกดีใจกับเราจริงๆ เพราะลูกเองไม่ได้ชอบและเราก็ไม่ได้พาไปด้วย เลยเกิดคำถามกับตัวเองว่า แล้วเราหล่ะเราเคยรู้สึกยินดีกับใครอย่างจริงใจโดยที่ไม่ดึงเข้ามาเกี่ยวกับตัวเองแบบนี้บ้างหรือไม่ แล้วก็พบคำตอบที่แสนจะน่าตกใจคือ “ไม่เคย”
เมื่อเร็วๆนี้ ลูกกลับมาบอกว่า เค้าได้รางวัล Star Student คัดเลือกโดยครูประจำชั้น ซึ่งครูชมว่าถึงแม้จะขาดเรียนไปถึง 2 อาทิตย์แต่ก็สามารถเรียนตามเพื่อนๆทันและส่งงานที่ค้างได้หมด ปากเราก็พูดแสดงความยินดีกับลูกแต่ในใจนึกไปทันทีว่า ดีนะที่เราได้อีเมลล์คุยกับครูและให้ครูส่งงานมาให้ทำช่วงที่อยู่เมืองไทย นี่เรายึดเอามาเป็นความดีความชอบของเราไปซะอย่างนั้น ลูกมาเล่าให้ฟังว่าครูสอนไวโอลินที่โรงเรียนชมและให้รางวัลเค้า เราก็นึกในใจไปอีกว่าเป็นผลจากการที่เราให้ลูกเรียนไวโอลินเพิ่มตอนกลับเมืองไทย หรือที่ลูกคนโตได้รางวัล Honor Roll เราก็คิดทันทีว่าเป็นเพราะเราเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงลูก ลูกถึงได้รางวัล นี่ไม่ว่าใครจะชมอะไรลูก เราจะยึดเอามาเป็นของตัวเองหมดหรือนี่!
ความต้องการคำชม ต้องการให้คนอื่นเห็นว่าเราดี มันฝังรากลึกอย่างไม่น่าเชื่อ มันทำให้เรามองข้ามความจริง มองข้ามความสามารถที่แท้จริงของลูกอย่างไม่น่าให้อภัย ถึงเราจะเป็นคนเอางานค้างไปให้ลูกทำ แต่ถ้าลูกไม่มีความเข้าใจในบทเรียนที่ยังไม่เคยได้เรียนและไม่มีความรับผิดชอบลูกก็คงทำไม่เสร็จและไม่มีงานไปส่ง เราเป็นคนให้ลูกเรียนไวโอลินเพิ่มก็จริง แต่ถ้าลูกไม่มีความชอบ ไม่ซ้อม ไม่ตั้งใจ ก็คงไม่ได้รับคำชม ถึงเราจะเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงลูก แต่เราลืมคิดไปว่าเราไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆในการเรียนของลูกคนโตเลย เค้ารับผิดชอบด้วยตัวเองทุกอย่าง ดังนั้นรางวัล Honor Roll ที่ลูกได้รับ มันก็มาจากความสามารถและความรับผิดชอบของลูกล้วนๆ
สิ่งที่ได้เห็นครั้งนี้ มันช่างน่าตกใจ นั่งนึกทบทวนถึงเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นกับคนรอบตัว ไม่ว่าจะกับเพื่อน สามี ลูก หลาน หรือแม้กระทั่งกับแม่ ในทุกๆเรื่องที่เราแสดงความยินดีนั้นเรามักจะแอบ take credit เล็กๆน้อยๆเสมอ บางครั้งคิดแต่ไม่ได้พูดออกไป แต่หลายครั้งก็พยายามอย่างมากที่จะพูดหรือแสดงออกเพื่อให้คนอื่นเห็นความดีความชอบของเราในเรื่องนั้น เมื่อมานั่งนึกทบทวนดูแล้วมันช่างน่าอายจริงๆ ถึงใครไม่รู้แต่ตัวเราเองรู้ว่าแทบจะหาความบริสุทธิ์ใจในคำยินดีที่เราพูดออกไปไม่ได้เลย ไม่เอาแล้ว ไม่อยากเป็นคนแบบนี้อีกแล้ว
ต้องขอบคุณลูกมากๆที่ทำให้เราได้เห็นตัวเองในมุมที่ไม่เคยได้เห็น ต่อไปเมื่อจะเอ่ยปากแสดงความยินดีกับใคร จะคอยสำรวจความคิดตัวเองว่าดึงเข้าหาตัวอีกหรือไม่ และสิ่งที่เราคิดเข้าข้างตัวเองนั้นความจริงเป็นอย่างไร ต่อไปเมื่อจะแสดงความยินดีจะได้เป็นการแสดงความยินดีด้วยความบริสุทธิ์ใจ เป็นความยินดีที่มีให้กับคนๆนั้นจริงๆ สักที