เมื่อเร็วๆนี้ได้โพสรูปร่วมสนุกกับทางแบรนด์ของแว่นกันแดดที่ซื้อจากเมืองไทย ตอนโพสรูปก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้อยู่เมืองไทยจะได้รางวัลหรือไม่ถึงอย่างไรก็ต้องสละสิทธิ์อยู่ดี แต่ปรากฏว่าเราได้รางวัลใหญ่ซึ่งมีเพียง 5 รางวัล ประกาศผลประมาณบ่ายโมงที่ไทยก็คือ 11pm ที่นี่ซึ่งเราเข้านอนไปแล้ว และให้ยืนยันสิทธิ์ภายในสองทุ่มที่ไทยหรือ 6am ที่นี่ซึ่งเป็นเวลาตื่นนอนของเรา แต่ปกติตื่นนอนแล้วจะไม่ได้เช็คโทรศัพท์ทันทีเพราะต้องรีบทำอาหารเช้า เมื่อเสร็จแล้วจึงได้มาเช็คว่าเราได้รางวัลแต่ถูกตัดสิทธิ์ไปแล้วเพราะไม่ได้ยืนยันสิทธิ์ภายในเวลาที่กำหนด สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าเราควรมีสิทธิ์ที่จะสละสิทธิ์ด้วยตัวเราเองแทนที่จะมาตัดสิทธิ์กันแบบนี้
เมื่อไม่พอใจก็เอะใจว่าทำไมถึงไม่พอใจเพราะก็รู้อยู่แล้วว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องสละสิทธิ์ นี่แสดงว่าตั้งแต่วินาทีที่เห็นในไลน์ว่าเราได้รับรางวัลเราก็ยึดเอารางวัลนั้นเป็นของเราทันที เมื่อโดนตัดสิทธิ์ก็เลยรู้สึกว่าเค้ามาเอาของของเราไปทำให้เราไม่พอใจ ทั้งๆที่รางวัลนี้ ทางแบรนด์เป็นคนจัดขึ้นเพื่อโปรโมทสินค้า เป็นคนหาผู้โชคดี เป็นคนหาของรางวัล การที่เค้าจะให้หรือไม่ให้เค้าย่อมเป็นสิทธิ์ขาดของเค้า เราไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะไม่พอใจเค้าเลย
เหมือนเรายึดเอาอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่เคยมีอยู่จริงมาเป็นของตัวเองแล้วให้มามีอิทธิพลกับความรู้สึกของเรา ยิ่งได้ดูคลิปแมวที่ตะปบนกในทีวี ยิ่งเห็นตัวเองเป็นแมวตัวนั้นที่หลงคิดว่าภาพที่เห็นนั้นมีอยู่จริงและพยายามไขว่คว้าภาพลวงตานั้นมาเป็นของตน ความรู้สึกทุกข์ใจที่เกิดขึ้นก็เกิดจากการทำร้ายตัวเองด้วยความคิดของตัวเองทั้งนั้นไม่มีอะไรที่จับต้องได้เลย ยิ่งทำให้เห็นชัดว่า เมื่อมีคำว่าของของเราเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ความเห็นของเราจะบิดเบือนเข้าข้างตัวเองเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองทันที นี่ยังดีที่รู้สึกตัวก่อนที่จะไปต่อว่าเค้าให้ตัวเองได้อายไปมากกว่านี้
นี่ขนาดสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงเป็นสิ่งที่คนอื่นกำหนดขึ้น เรายังไปจับจองเป็นเจ้าของจนทำให้ตัวเองเกิดทุกข์ได้ แล้วกับคนหรือสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวเราหล่ะ เราจะยึดขนาดไหน มองไปรอบๆตัว ทุกอย่างที่เห็นเราก็ยึดเอามาเป็นของเราหมดแม้กระทั่งตัวตน การกระทำหรือความคิดของบุคคลอื่นเราก็ยังยึด นี่ถ้าเรายังยึดทุกอย่างมาเป็นของเราอยู่อย่างนี้ เราจะต้องทุกข์จากการสูญเสียสิ่งที่เป็นของเราอีกกี่ร้อยกี่ล้านครั้ง สิ่งที่ไม่มีตัวตนยังทำให้เราไม่พอใจได้ แล้วถ้าเป็นสิ่งของหรือคนใกล้ชิดหล่ะ เราจะต้องทุกข์ขนาดไหน
ต่อไปจะพิจารณาเรื่องตนและของของตนให้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะกับสิ่งรอบตัว และจะพยายามไม่ไปไขว่คว้าและยึดสิ่งใดๆมาเป็นของตนเพิ่มอีกเพราะจะเป็นการเพิ่มความทุกข์ให้ตัวเองโดยไม่จำเป็น เท่าที่มองเห็นอยู่ก็น่าจะทำให้เป็นทุกข์มากมายอยู่แล้ว จะพยายามพิจารณาให้เข้าใจและหวังว่าจะค่อยๆปล่อยสิ่งที่ยึดไว้ได้ทีละอย่างเพื่อลดความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นจากการสูญเสียสิ่งเหล่านั้นลงได้บ้าง