เพียงคำเดียว

ดูรายการโชว์รายการหนึ่ง เป็นรายการประเภทมิวสิคโชว์ เพื่อให้นักร้องเจ้าของเพลงค้นหา คนมาร้องคู่กับตน ซึ่งนักร้องปริศนามี 7 คน ภารกิจของนักร้องตัวจริง จะต้องค้นหานักร้องเสียงเพราะ ไม่ใช่นักร้องเสียงเพี้ยน โดยมีนักสืบอีกห้าคนมาช่วยออกความเห็นว่าเขาคิดว่านักร้องปริศนาร้องเพราะหรือร้องเพี้ยน แล้วจึงให้นักร้องตัวจริงเลือกนักร้องปริศนามาร้องด้วยในท้ายที่สุด

ด่านแรกทางรายการจะให้ดูคลิปของนักร้องปริศนาว่าทำกิจกรรมอะไรบ้าง แล้วให้นักร้องปริศนาร้องเพลงโดยที่ทางรายการปิดเสียงเอาไว้ก่อน แล้วจะเปิดให้ฟังเพียงคำเดียว ซึ่งใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที  จากนั้นนักร้องตัวจริง ต้องเลือกคัดนักร้องปริศนาออกหนึ่งคน โดยมีข้อมูลการร้องที่ได้ฟังได้เห็นไม่ถึงหนึ่งวินาที

นักสืบชายคนหนึ่งหลังจากดูและวิจารณ์คลิปนักร้องปริศนามาสักพัก เห็นนักร้องปริศนาหญิงใส่เสื้อเอวลอย มาวาดลีลาการเต้นสะบัดไปมา แล้วเขาได้ยินเสียงเธอเพียงเสี้ยววินาที แล้วตะโกนออกมาว่า เพราะมาก เพราะจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไร เส้นเสียงมันเข้าไปในใจ  น้ำเสียงขนาดนี้นี่เป็นเสียงนักร้องระดับประเทศแล้ว เมื่อถูกนักสืบคนอื่นค้าน เขาโต้เถียงกลับ และยังยืนยันว่านักร้องปริศนาคนนี้ร้องเพราะที่สุดในโลก

“แค่เสี้ยววินาทีนี่นะ!!” เราถึงกับงงว่าเขาเอาอะไรมาวัด มาตัดสิน มาพูดได้ขนาดนี้ เขารู้ได้อย่างไร มองอากัปกิริยาการแสดงออกของนักสืบชายท่านนี้ ทำให้เราเห็นตัวเองว่า เราเองเวลาเห็นอะไรชอบใจหรือไม่ชอบใจจะจับแพะชนแกะแล้วตัดสินเอาตามที่ใจตัวเองต้องการทันที ใครจะพูดอย่างไรก็ไม่ฟัง ไม่สน แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในความคิดของตนเองเต็มที่ ไม่มีเว้นที่ไว้สำหรับความหน้าแตกหรือผิดหวัง  ไม่ได้ต่างอะไรจากเขาเลย อาการแสดงความรัก ชอบ เกลียด ชัง เปิดเผยออกมาชัดเจน

แล้วทำไมเราถึงไม่ชอบสิ่งที่เขาทำออกมา ในเมื่อตอนที่เราทำ เราไม่เห็นต่อว่าตัวเอง  ตอนที่ดูรู้สึกสะดุดนักสืบคนนี้เรามีความคิดว่าเขาเอาอะไรมาตัดสินว่าผู้หญิงคนนี้ร้องดีขนาดนั้น อะไรที่ทำให้เชื่อมั่นว่ามันดีขนาดนั้นจริงๆ แล้วเขาต้องพูดต้องแสดงออกมารุนแรงขนาดนั้นด้วยหรือ เราเหมือนเขาตรงไหน

เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือนิยาย ตัดสินว่าจะเลือกซื้อหนังสือเล่มไหนจากข้อความบนปกหน้าและหลังหนังสือ ดูว่าสำนวนอ่านแล้วชอบไหมโครงเรื่องเป็นอย่างไร ซื้อมาแล้วบางครั้งก็ชอบหนังสือ มันสนุกอย่างที่คิด บางครั้งก็ผิดหวังเพราะมันไม่เป็นอย่างที่เราต้องการ บางเรื่องชอบก็อ่านแล้วอ่านอีก ไอ้ที่ไม่ชอบอ่านไปสามหน้าแล้วเลิกอ่านไปเลยก็มี

เวลาดูหนังดูละคร ก็จะเลือกดูจากพระเอกนางเอกที่เล่น ว่าแข็งไหม เล่นดีไหม พอเขาเล่นอย่างที่เราไม่ชอบ ก็ไม่ดูละ เลิกๆ พอๆ รำคาญ ที่ชอบก็ติดตามดูกันข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียว แล้วจะรู้สึกบันเทิงมากเมื่อเจอเพื่อนที่มีความเห็นไปทางเดียวกัน พูดคุยวิจารณ์กันอย่างออกรสออกชาติ

เราเป็นคนโลว์เทคเวลาจะตัดสินใจซื้อเลปท็อป ซื้อโทรศัพท์ก็จะฟังความเห็นจากคนอื่น แล้วเลือกซื้อตามรูปลักษณ์ที่เราชอบ ไม่เคยดูรายระเอียดวิธีการใช้ ความสามารถของเครื่องเกินความสามารถเราไหม เราจะได้ประโยชน์จากมันแค่ไหน ไม่สน เอารูปลักษณ์ที่ถูกใจไว้ก่อน เอามาใช้แล้วได้ประโยชน์เต็มที่บ้างไม่เต็มที่บ้างก็โอเค แต่ถ้าไม่ได้เรื่องจริงๆ ก็เก็บมันไว้ ปล่อยมันตายไปกับตัวซะงั้น

เราต่างจากเขาตรงไหน เราเองนี่แหละที่เอาอะไรมาวัดว่าสิ่งที่เห็นมันใช่หรือไม่ใช่เราเองที่ตัดสินทุกอย่างจากที่เห็นกันตรงนั้นเดี๋ยวนั้นเลย ทั้งๆ ที่มีข้อมูลในมืออยู่นิดเดียว? ในเมื่อมีหลักฐานให้เห็นอยู่ตรง หน้าแล้วว่า สิ่งที่เราเห็น มันอาจไม่ใช่อย่างที่เราคิด การที่เราเลือกทำ เลือกตัดสินอะไร มันมีถูกบ้างผิดบ้าง อันนี้ดีอันนี้ไม่ดี ไม่ได้ถูกใจตลอดเวลา เพียงแต่เคยสะดุดคิดบ้างไหมว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้ามันจริงแล้วหรือ

การศึกษาข้อมูล เปิดตาเปิดใจให้กว้างๆ และการยอมรับความจริงที่ว่าการตัดสินของเรามันอาจไม่ใช่อย่างที่คิด จะไม่ทำให้เราผิดหวังกับผลที่ออกมามากนัก เมื่อเราไม่หวังกับผลที่เราต้องการมากเกินไป อากัปกิริยาและการแสดงออกของเรามันก็อาจไม่มากตามไปด้วย เมื่อผลมันออกมาว่าใช่หรือไม่ใช่ มันก็คงไม่สำคัญอะไรมากเท่าไหร่นัก เพราะไม่ว่าผลออกมาจะเป็นอย่างไร เราพร้อมที่จะยอมรับกับผลที่เป็นอยู่แล้ว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *