แทปเล็ทเจ้ากรรม

ในการทำงานที่ร้าน เราและเพื่อนที่ทำงานคู่ในกะเดียวกัน ต้องการที่จะใช้แทปเล็ทคนละเครื่องเพื่อความสะดวกรวดเร็ว แต่เราพบปัญหาบ่อยๆ ตรงที่เพื่อนคนที่ทำกะก่อนหน้าเรา ไม่ค่อยเสียบปลั๊กไว้ให้ มีผลทำให้การทำงานของเราติดขัดไม่รวดเร็วเท่าที่เราต้องการ เราเคยบอกให้เขาระวังเรื่องนี้แล้วหลายครั้ง เขาก็ยังทำอยู่เหมือนเดิม ล่าสุดเมื่อเขาทำอีกเราเลยโพสไปในไลน์กลุ่มของที่ร้าน เมื่อเพื่อนคนนี้อ่านข้อความเขาโกรธมาก ส่งข้อความมาต่อว่าเรา เมื่อเราอ่านข้อความเรามีความรู้สึกว่าเขาเข้าใจคนละประเด็นกับเรา ก็ไม่มีประโยชน์ที่เราจะพูดต่อ เราเลือกที่จะเงียบ

เพื่อนคนเดิมไลน์ส่วนตัวมาขอโทษและบอกเราว่า ปฏิกิริยาโต้ตอบของเขาจะไม่แรงขนาดนี้ ถ้าเราบอกเขาส่วนตัว เราอ่านข้อความของเขา คิดว่าถึงแม้เขาจะขอโทษ แต่เขายังคิดว่าตัวเขาเองถูกอยู่ ปากเราบอกเขาว่า โอเค ใจเราไม่รับคำขอโทษนั้น เราไม่สามารถที่จะคุยกับเขาได้เป็นปกติ เราไม่สามารถแม้แต่พูดทักทาย ทำได้เพียงพูดคุยในเรื่องงานเท่านั้น

วันต่อมาเราทำผิดในเรื่องที่เราผิดประจำ เพื่อนคนนี้โพสลงในไลน์กลุ่ม เราบอกว่าเราจะรับผิดชอบอย่างไร และบอกเขาว่าขอโทษ เพื่อนที่ทำงานคู่กันกับเราบอกเราว่า แกอย่าทำผิดบ่อยนักซิ เดี๋ยวเด็กมันจะถอนหงอกเอา เราได้แต่เฉยๆ ถือว่าผิดแล้ว ยอมรับผิด ฉันจะพยายามแก้ไขเอง

อีกวันต่อมาเรามีโอกาสได้ไปข้างนอกกับครูบาอาจารย์ และญาติธรรมอีกหลายคน เห็นเหตุการณ์ที่รถคันหนึ่งติดไฟแดง แต่คันนี้ไปไม่ทัน รถจึงคาอยู่ที่ทางม้าลาย ในขณะที่รถคันที่ตามหลังมีพื้นที่ให้รถคันหน้าสามารถถอยมาได้ไม่ต้องเกะกะคน ข้ามถนน รถคันหน้าเปิดไปถอยรถ แต่คันหลังไม่ยอมถอยให้ พระอาจารย์พูดว่าคันหลังเกเรไม่มีน้ำใจ ท่านถามว่าใครมีตัวอย่างที่น้อมได้จากเหตุการณ์นี้บ้าง เราคิดถึงเรื่องของเราขึ้นมาทันทีว่า เราเองเป็นรถคันที่สอง ที่เกเรเมื่อเขาขอโทษ ขอถอย แต่เราไม่ให้อภัยยังขวาง ยังพาลให้มันคาขวางอยู่อย่างนั้น เราเองนี่แหละที่พาลเหมือนรถคันหลังที่ไม่ยอมถอย

เมื่อเช้าเราต้องไปซื้อของ เราแพลนไว้เลยว่า ถ้าเราไปซื้อของเวลานี้ รถจะไม่ติด แต่ความเป็นจริงไม่เป็นอย่างนั้น รถกลับติดมากเหมือนช่วงปกติที่เราเคยติดอยู่ทุกวันในเวลาเร่งด่วน เมื่อขับมาเรื่อยๆ ถึงได้รู้ว่า มีรถเสียอยู่บนสะพานเป็นเหตุให้รถติด เราคิดในใจว่าไอ้บ้าเอ้ย มาปล่อยให้รถเสียอะไรตรงนี้ ทำไมไม่รู้จักดูแลรถตัวเอง ทำคนอื่นเดือดร้อนติดไปตามๆ กัน เราจึงฉุกคิดได้ว่า ถ้าเราเป็นรถคันนั้น เราอยากให้รถเราเสียหรือ ไม่เลย เราไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น ถ้าเรารู้ว่าการที่เรามักง่าย เมินเฉย ไม่สนใจดูแลสภาพรถของตัวเองแล้วมีผลทำให้รถติดเป็นไมล์ขนาดนั้น เราจะตรวจเช็คสภาพรถของเราเป็นอย่างดี

เรามัวโกรธเพื่อน เพราะติดอยู่กับคำถามที่ว่า ทำไมทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด แล้วไม่แก้ไข มัวแต่ถามคนอื่นแล้วตอบคำถามไม่ได้ ก็เลยโกรธอยู่อย่างนั้น จนเมื่อถามตัวเองใหม่ว่า เคยบ้างไหมที่เราทำผิดแบบเขา เราทำอย่างนี้เมื่อไหร่ อย่างไร เพราะอะไร เมื่อพบคำตอบว่า เราเองนี่แหละที่ทำผิดแล้วไม่เคยแก้ความผิดพลาดได้ เขาขอโทษเราก็ไม่ยอมถอยให้ เมื่อมาเห็นถึงทุกข์ในการทำงานที่อิหลักอิเหลื่อ มีแต่ความไม่พอใจเมื่อเห็นหน้ากัน เห็นถึงโทษในการทำงานที่มัวแต่ด่าคนอื่นในใจแล้วทำผิดเสียเอง เห็นถึงภัยที่จะเกิดขึ้นได้จากการที่เราไม่ให้อภัยคนอื่น ทำให้เราสามารถอภัยเพื่อนร่วมงานที่ทำพลาดได้เพราะเราเองก็ไม่ได้ดีไปกว่า เขาเลย

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *