I cannot hold the line for you.

ยืนต่อแถวซื้อ Chicken Bake ที่ Costco ตอนนั้นผมเป็นคนรองสุดท้ายของแถว คุณป้า(เหมือนจะเป็นคนจีน) ที่ยืนอยู่ข้างหลังผม พูดกับผมว่า เค้าจะออกจากแถวไปทำอะไรซักอย่าง (ฟังไม่ถนัด) แล้วจะกลับมายืนข้างหลังเราเหมือนเดิม ผมบอกคุณป้าทันทีว่า ผมจองที่ให้ไม่ได้หรอกนะ คุณป้าบอกว่า แต่ตอนนี้เค้าอยู่ในแถวแล้วนะ จะออกไปตรงนั้นก่อนแล้วจะกลับมา พร้อมกับชี้ไปทางซุ้มน้ำจิ้มกับที่เติมน้ำ ผมบอกคุณป้าคนนั้นไปอีกครั้งว่าเข้าใจว่าตอนนี้มาต่อแล้วจะออกไป แต่ผมจองที่ให้ไม่ได้ ดูออกว่าคุณป้าไม่พอใจ เค้าบอกว่าถ้าอย่างนั้นเค้าจะออกไปแล้วกลับมาต่อแถวอื่นก็แล้วกัน แล้วคุณป้าก็เดินออกจากแถวไป

หลังจากที่ป้าเดินออกไป ในผมยังคิดอยู่กับรื่องการปฏิเสธ ด้านนึงบอกตัวเองว่าทำถูกต้องแล้ว ใครๆเค้าก็ต้องทนยืนต่อแถวกันทั้งนั้น คุณจะมาบอกว่าต่อแถวแล้วออกไปทำนู่นทำนี่ แล้วกลับเข้ามายืนที่เดิมได้ยังไง มันไม่แฟร์กับคนอื่น แต่อีกใจนึงก็รู้สึกแปลกๆ หลังจากที่โดนทำหน้าเบ้ใส่ เราพูดแรงเกินไป พูดดังเกินไป หรือทำหน้าตาจริงจังเกินไหรือเปล่านะ

หลังจากรับ Chicken Bake แล้วก็หาที่นั่งกิน ผมนั่งโต็ะสี่คน เลือกที่ติดทางเดิน กินได้ซักพัก ก็มีคุณลุงคนนึงเข้ามาถามว่า เขยิบเข้าไปข้างในได้มั้ย เพราะเค้ากับภรรยาเข้าไปข้างในไม่สะดวก ผมพยักหน้าแล้วขยับเข้าไปข้างในให้ แล้วก็เอะใจว่าเอ๋ ภรรยาเค้าจะเป็นคนเดียวกับคุณป้าหรือเปล่านะ ถ้าใช่นั่งกินโต็ะเดียวกันคงไม่ค่อยสนุกเท่าไร! โชคดีที่เป็นคนละคนกัน

มานั่งคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ Costco แล้วก็พบว่า

การตัดสินใจของผมมันขาวดำเกินไป
ความเห็นคือ ทุกคนจะต้องอยู่รอในแถว ถ้าออกไปแล้วกลับมาใหม่ก็ต้องไปต่อข้างหลัง ไม่มีข้อยกเว้น แต่ความเป็นจริง มันมีตัวแปรอื่นๆ อีก เช่น ความยาวของแถว, ระยะเวลาการรอ, คนที่ออกจากแถว เค้าอยู่ข้างหน้า หรือข้างหลัง ผม, คนในแถวคนอื่นๆ , คนขายของ, รวมไปถึงคนที่ออกจากแถวว่าเค้าเป็นใคร เด็ก คนแก่ วัยรุ่น, ระยะเวลาที่ออกไปจากแถวแล้วกลับเข้ามาใหม่, เทศการล่ะ thanksgiving? มีผลมั้ย หลายอย่างมีผล มันหลายตัวแปรจริงๆ

ตัวเองสำคัญที่สุดในเรื่อง
ผมคิดว่าให้ตัวเองเป็นจุดศุนย์กลางของเรื่อง ผมคิดว่าผมเป็นคนเดียวที่จะบอกว่า Yes หรือ No กับการของออกไปนอกแถวของคุณป้า แต่มันไม่ใช่เสมอไปเช่น ถ้าคนอื่นๆ เค้ารวมตัวกันหันมาบอกว่า คุณป้าแก่แล้ว ให้เค้าไปเถอะ หรือคนที่มาต่อข้างหลัง บอกไม่เป็นไร เข้ามาได้ หรือ ถ้าผมบอกคุณป้าว่ากลับเข้ามาต่อข้างหลังผมได้ แต่คนใหม่ที่มาต่อแถวไม่ยอม มันก็ไม่ได้เหมือนกัน Yes หรือ No ไม่ได้ขึ้นกับผมเสมอไป

ถ้าเป็นคนที่ถูกแซงคิว
จริงๆแล้ว คุณป้าต่อแถวอยู่ข้างหลังผม การที่เค้าจะกลับเข้ามายืนที่เดิม หรือต้องไปต่อข้างหลังแถว มันไม่ได้ทำให้ต้องรอนานขึ้นเลย แต่ตอนนั้นซึ่งเร็วมาก คิดว่าผมจะไม่โอเคเลยถ้ายืนต่อคิวอยู่ดีๆ มีคนมาบอกว่าเออนี่ตะกี้ออกนอกแถวมา ตอนนี้กลับมาแล้วนะ

ผิดสัปุริสธรรม
จากความเห็นที่ผิด และคิดว่าตัวเองสำคัญที่สุด และคิดว่าเป็นคนที่ถูกแซงคิว ทำให้สิ่งที่ผมพูดกับคุณป้ามันแข็งเกินไป จริงจังเกินไป เพราะเชื่อเหลือเกินว่าผมทำถูกแน่นอน และสำคัญที่สุดแน่นอน ในตรงนั้น นึงไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนที่คุณป้าบอกว่าจะออกไปนอกแถว (ซึ่งฟังเค้าไม่เข้าในว่าเข้าจะออกไปทำอะไร) คุณป้าชี้ไปทางซุ้มกดน้ำอัดลม กับทีกดซอส เป็นไปได้หลายอย่างแต่เค้าไม่รู้ว่าเวลาสั่งๆแค่เอาน้ำ Soda แล้วไปกดเอาเอง เค้าก็เลยอยากไปดูว่า มีรถอะไรบ้างจะได้สั่งถูก หรืออยากจะไปดูว่ามีซอสอะไรบ้าง หรือไปหยิบกระดาษเช็ดปาก หรืออะไรก็ตามเถอะ แต่มันก็มีความเป็นไปได้ว่าคุณป้าจะออกไปแป็ปเดียว แต่ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้เหล่านั้นเลย ออกไปคือจบ กลับมาไม่ได้แล้ว จะมาขอกันได้ยังไง

ถ้าย้อนกลับไปได้ล่ะ จะบอกกับคุณป้ายังไง? ถ้าผมบอกคุณป้าว่า คุณป้าจะออกไปแล้ว เวลากลับเข้ามา คงต้องขึ้นอยู่กับคน (หรือคนอืนๆ) ที่มาต่อข้างหลังว่าเค้าจะยอมให้คุณป้าเข้าหรือเปล่า แต่ผมบอกพวกเค้าให้ได้ว่าคุณป้ามาต่อคิวแล้วจริง แล้วก็เดินออกไป ส่วนว่าพวกเค้าจะโอเคหรือเปล่าคงจะต้องขึ้นอยู่กับพวกเค้า เพราะเค้าต่อแถวอยู่นะ พูดอย่างนี้ล่ะจะนุ่มกว่ามั้ย จะประณีประนอมกว่ามั้ย

ทุกข์ โทษ ภัย
เห็นได้ชัดว่า หลังจากพูดเสร็จแล้วคุณป้าเดินออกไปก็ทุกข์ในใจทันที หลังจากนั้นยังไม่พอ ต้องมานั่งกังวลตอนนั่นกินว่า จะต้องมานั่งโต็ะเดียวกันหรือเปล่า เค้าจะด่าเราเป็นภาษาจีนกับสามีเค้าหรือเปล่า คนอื่นที่ได้ยิน เราพูดแข็งๆกับคุณป้าจะคิดยังไง มันเยอะแยะไปหมด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *