ดูรายการแข่งร้องเพลงเพื่อปลดหนี้ ผู้เข้าร่วมแข่งขันต้องการช่วยพ่อปลดหนี้ที่นาที่พ่อนำไปค้ำประกันไว้ ตอนไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาเมื่อ 17 ปีที่แล้ว เพื่อมาทำธุรกิจ แต่โดนคู่ค้าโกงเงินไป จากยอดเงินกู้ครั้งแรก 90,000 บาท ยอดค้างชำระ ณ ปัจจุบัน 300,000 บาท น้องคนนี้เล่าให้ฟังว่าชีวิตหากินลำบากมาก ตัวเองก็ป่วยเป็นไทลอยด์ และลำไส้อักเสบ ทุกวันนี้ขายผลไม้เลี้ยงตัวเอง แทบไม่พอยาไส้แต่ยังอยากได้ที่นาของพ่อคืน
เราฟังแล้วคิดว่า ทำไมไม่ตัดใจ สมบัตินอกกายแท้ๆ ตัดใจเสียแล้ว ตั้งต้นชีวิตใหม่ไม่ง่ายกว่าหรือ
แต่มาฉุกคิดได้ว่า คิดแทนคนอื่นน่ะมันง่าย ตัวเราเองหล่ะตัดใจอะไรไม่ได้บ้าง งานเข้าเลยทีนี้
ตัวเองเป็นคนที่ของเยอะมาก ห้องนี้รกไปหมด เพราะนางเก็บทุกอย่าง นางไม่อยากทิ้งอะไรไป เสียดายไปหมด มัวแต่คิดเผื่อว่าถ้าเก็บไว้แล้วมันจะได้ใช้ประโยชน์บ้างในวันหนึ่ง คิดอย่างนี้มาตลอด จนกระทั่งได้รับคำขอบคุณ เป็นคำว่า “ไปเก็บซะ” ก็เริ่มหันมาจัดระเบียบห้องตัวเองใหม่ จัดมาสามวันห้องก็ยังไม่หายรก เลยหาดูว่าอะไรบ้างที่เราไม่ยอมทิ้ง ด้วยเหตุผลอะไร
เราไม่ทิ้งแม้กระทั่ง Statement บิลเรียกเก็บต่างๆ ในแต่ละเดือน เพราะคิดว่าถ้าไม่ได้ย่อยกระดาษจะไม่ทิ้ง เพราะมันมีข้อมูลส่วนตัวเราอยู่ กลัวคนอื่นรู้จ้อมูลส่วนตัว
เสื้อผ้าที่ซื้อมาเพิ่มจนเต็มตู้ จะเอาไปบริจาค ก็ยังอุตส่าห์เก็บเขาไว้หลังรถ จนเมื่อสังคายนายห้องถึงได้เอาไปบริจาค
กล่องอาหารที่สามารถเอามาใช้ใหม่ได้ ก็เก็บสะสมไว้ เผื่อได้ใช้ครั้งหน้า
ของของเรานี่เรียกได้ว่า ไม่มีค่าเลยนะ เป็นขยะดีๆ นี่เอง เรายังไม่รู้จักทิ้ง แล้วคนที่เขาไม่มีเงิน ทำงานสายตัวแทบขาด ต้องการที่ของพ่อเขาคืนมันไม่ได้ต่างกันเลย เราหวงของเราอยากเก็บไว้ เราไม่คิด คิดแต่จะวิจารณ์คนอื่น
ในเมื่อเรามีความคิดต่อเขาว่า สมบัตินอกกาย ทิ้งไปแล้วหาเอาใหม่เถิด เราก็ควรทำตามความคิดนั้น โดยการทิ้งหรือบริจาคของที่ไม่จำเป็นสำหรับเรา แล้วใช้ของที่ตัวเองมีอยู่เพื่อประโยชน์สูงสุดจะดีกว่าไหม อะไรที่มันไม่มีประโยชน์ก็ทิ้งมันเสียบ้าง เพื่อรักษาความสะอาดรอบตัว รวมถึงจิตใจตัวเอง