เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา บ้านในระแวกนี้มีเปิด open house หลายหลังก็เลยเดินไปดู บ้านแต่ละหลังราคาแพงมากแต่ก็สวยมาก เพราะข้างในมีการตกแต่งเพิ่มเติมมากมาย เฟอร์นิเจอร์ของเจ้าของเดิมที่ยังตั้งอยู่ก็ล้วนแต่เป็นเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงทั้งนั้น การตกแต่งก็สวยดูดีไปหมด พอกลับมาบ้าน บ้านเราเลยดูแสนจะธรรมดา เฟอร์นิเจอร์บางส่วนก็ซื้อจาก Ikea ดูต่างจากบ้านที่ไปดูมาลิบลับ รู้สึกอยากได้บ้านสวยหรูแบบนั้นบ้างจัง
จะเอาไปทำไม? ตอนที่กำลังอยากได้ก็มีคำถามนี้เกิดขึ้นมาในหัว บ้านที่เราอยู่ไม่ดีตรงไหน ก็มีคำตอบให้ตัวเองว่า อยากได้บ้านที่มี 3 ห้องนอน เผื่อว่าลูกคนเล็กโตขึ้นแล้วอยากมีห้องของตัวเอง เพราะบ้านที่อยู่มีแค่ 2 ห้องนอน แต่… ลูกอยากได้แล้วหรือ? ลูกขอแล้วหรือ? ตอนนี้เค้ายังอยากอยู่กับแม่ นอนกับแม่ ถึงตอนนี้มีห้องนอนอีกห้องก็คงเอาไว้เก็บของเฉยๆแค่นั้น แสดงว่าเราเป็นคนที่อยากได้เองแต่เอาลูกมาอ้าง
จริงๆแล้วบ้านที่เราอยู่ตอนนี้ก็สะดวกสบาย มีทุกอย่างครบถ้วน เหมาะกับการอยู่กัน 3 คนแม่ลูก ขนาดก็กำลังดี ไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป ทำความสะอาดก็ง่าย ราคาก็ไม่แพงมาก ซึ่งหากเราจะซื้อบ้านที่ได้ไปดูมา คงต้องจ่ายเงินมากกว่าที่ซื้อบ้านนี้อีกหลายเท่า นี่ยังไม่รวมเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงทั้งหลายที่ต้องซื้อมาใส่บ้านให้ดูสวยหรูขนาดนั้น นี่เราอยากได้สิ่งที่ ไม่ได้มีความจำเป็นอะไร และเราเองก็ไม่มีปัญญาจะซื้ออีกด้วย
มาลองสังเกตุดูว่า จริงๆแล้วเราอยากได้บ้านหลังใหญ่ตกแต่งหรูหราไปทำไม เวลาเราเห็นบ้านที่สวยเราก็จะชื่นชมเจ้าของบ้านว่าแต่งบ้านสวย ใช้ของราคาแพง คงเป็นคนร่ำรวย แล้วทำไมเราต้องชื่นชมคนรวย อ้าว นี่เรากำลังเห็นผิดอยู่รึเปล่า เวลาเห็นใครที่อยากได้อะไรเกินตัว เช่น รถ supercar รองเท้าราคาแพง กระเป๋าแบรนด์เนม ที่แพงเกินกว่าที่เค้าจะซื้อได้แต่ก็พยายามที่จะหามาครอบครอง เรายังนึกตำหนิว่าจะอยากได้ของพวกนั้นไปทำไม ไร้สาระ แต่นี่เราเองก็ไม่ต่างกันเลย อยากได้บ้านสวยงามราคาแพง เพียงเพื่อให้คนอื่นมาชื่นชมว่าเราร่ำรวยเท่านั้นเองหรือ นี่มันแย่กว่าอยากได้ supercar รองเท้า หรือ กระเป๋า หลายเท่านัก นี่เราวัตถุนิยมขนาดนี้เชียว?
เรามักไปวิเคราะห์คนอื่นว่าคนที่อยากได้ของแพงเกินความสามารถที่ตัวเองจะจ่ายได้ก็เพราะต้องการให้คนยอมรับ ต้องการให้คนเห็นคุณค่าของตัวเองผ่านสิ่งของเหล่านั้น ต้องการมีตัวตนในสังคม เพราะจริงๆแล้วคิดว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ต้องการให้คนชื่นชม เอ๊ะ… นี่มันตัวเราชัดๆ เราเองก็กระหายคำชม ความทุกข์ทั้งหลายที่เราเคยมีก็มาจากการที่เราอยากให้คนเห็นคุณค่าในตัวเรา อยากให้คนชื่นชมทั้งนั้น หรือว่านิสัยต้องการคำชมนี้คือสิ่งที่นำพาเราไปสู่ความเป็นวัตถุนิยม!!!
ความกระหายคำชมนี่ร้ายกาจจริง สร้างปัญหาสารพัดให้เรา ทั้งปัญหากับลูก กับสามี กับแม่ ทำให้ทะเลาะผิดใจกับคนอื่นมาไม่รู้เท่าไหร่ ทำให้เป็นคนขี้น้อยใจ แล้วนี่ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นคนวัตถุนิยมอีกด้วย ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน การต้องการคำชมนี้มันอยู่กับเรามานานจึงแฝงอยู่ในรูปของนิสัยเล็กๆน้อยๆ มากมายและมักจะแสดงออกมาเวลาไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อเรารู้ว่านิสัยเหล่านั้นเกิดขึ้นจากเหตุใดเราก็ต้องแก้นิสัยเหล่านั้นจากการพิจารณาเหตุนั้น เช่นคราวต่อไปเวลาอยากได้อะไรก็ควรนึกย้อนมาที่สาเหตุของความอยาก ถ้าหากค้นจนเจอว่าความอยากนั้นเกิดจากการต้องการให้คนชื่นชมเท่านั้นไม่ได้เกิดจากความจำเป็นใดๆในการดำรงชีวิต ความอยากก็มักจะลดน้อยลง ซึ่งเป็นหนทางแห่งการแก้ไขนิสัยวัตถุนิยมต่อไป