วันนี้ขับรถอยู่สังเกตุว่ามีรถมาขับจี้ข้างหลัง มองเห็นป้ายคนพิการแขวนอยู่หน้ารถคันนั้น สักพักก็แซงเราเข้าเลนขวาไป ในใจเรานึกตำหนิทันทีเลยว่า คนพิการทำไมขับรถจี้และขับเร็วขนาดนี้ พอรู้สึกตัวว่ากำลังตำหนิคนอื่นอยู่ก็สำรวจความรู้สึกตัวเองต่อว่าเราคิดอะไรในใจอีกบ้าง ก็พบว่า ที่เราว่าเค้าเพราะเราคิดว่าเราดีกว่าเค้าเพราะขนาดเราไม่พิการเรายังไม่ขับรถจี้คนอื่นหรือขับรถเร็วแบบเค้าเลย อ้าว… ตกลงว่าที่เราตำหนิคนอื่นเพราะเราคิดว่าเราดีกว่าเค้าอย่างนั้นเองหน่ะหรือ
ลองสำรวจตัวเองต่อว่านึกตำหนิใครบ้าง และเพราะอะไร ตอนเช้านึกตำหนิลูกที่ตื่นเช้าแต่ไม่รีบเตรียมตัวไปโรงเรียน เอาแต่เล่นโน่นเล่นนี่จะสุดท้ายก็ไปโรงเรียนสาย เราไม่ใช่คนที่ต้องไปโรงเรียนยังเตรียมตัวเสร็จก่อนเลย … เราดีกว่าลูกตรงรู้เวลา ถ้าเป็นเรา เราจะเตรียมตัวให้เรียบร้อยก่อนแล้วเวลาเหลือถึงจะเล่น นึกตำหนิลูกอีกคนว่าไม่แต่งตัวให้อุ่นเพียงพอเพราะอากาศหนาวมาก ไม่รู้จะห่วงความสวยความงามไปถึงไหน ถึงจะแต่งตัวสวยแต่ไม่อุ่นพอมันก็ไม่เหมาะสม ถ้าเป็นเรา เราจะแต่งตัวให้เหมาะสมกับกาละเทศะมากกว่านี้ … เราดีกว่าเพราะเรารู้จักกาละเทศะ
นึกตำหนิคนขับรถที่ไม่หยุดตอนไฟเหลือง ว่าประมาท เพียงแค่รอไฟแดงไม่กี่นาทีก็รอไม่ได้ ไม่รู้จะเสี่ยงอันตรายไปทำไม ส่วนเรา เพียงแค่เห็นไฟเหลืองเราจะชะลอทันที จะไม่ไปต่อ … เรารู้จักคิดมากกว่าเค้า นึกตำหนิคนที่พาสุนัขออกมาเดินที่ trail แล้วไม่เก็บมูลสุนัข ทั้งๆที่ตามทางจะมีถุงและถังขยะสำหรับใส่มูลสัตว์ไว้ให้เป็นระยะ ถ้าเป็นเราจะไม่ทำแบบนี้แน่นอน … เรารู้จักเกรงใจคนที่ใช้ทางร่วมกัน นึกตำหนิคนที่จอดรถไม่ตรงช่องจอด เอียงไปด้านใดด้านหนึ่งเยอะเกินไป แสดงว่าขับรถไม่เก่ง เลยจอดรถไม่เก่ง เราจอดรถดีกว่า … เราขับรถได้เก่งกว่า
โห!!! นี่แค่ตัวอย่างที่เกิดขึ้นช่วงเช้าถึงสายๆของวันนี้เท่านั้นเอง ทำไมมันเยอะจัง วันๆนึงเรานึกตำหนิคนอื่นบ่อยมาก ก็แสดงว่าเราคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นบ่อยขนาดนี้เชียวรึนี่ แล้วดีกว่าจริงหรือ? เราเคยมีงานต้องทำแต่ก็ไม่รีบทำบ้างไม๊ เช่น สามีให้เช็คปลั๊กไฟที่บ้านว่าอันไหนใช้ไม่ได้บ้างแล้วแจ้งทางหมู่บ้านมาซ่อม นี่สามีกลับไทยไปจะ 3 เดือนละ เรายังไม่ได้ทำเลย แล้วเราดีกว่าลูกตรงไหน ลูกไปโรงเรียนสายแค่ 10 นาที แต่เราสายไปจะ 3 เดือนอยู่แล้ว เราเคยแต่งตัวไม่ถูกกาละเทศะเพราะอยากสวยไม๊ เคยไปทัวร์ที่เมืองเก่าในประเทศเกาหลีแต่ ใส่บูทส้นสูงไป ทรมาณมากเพราะเดินเยอะและทางเดินไม่เรียบ แต่ก็ใส่ไปทนทรมาณจนเที่ยวไม่สนุกเพราะอยากสวย
เราไม่เคยขับรถประมาทรึ คนที่เราตำหนิเค้าฝ่าไฟเหลือง แต่เราเคยขับรถแล้วไม่มองข้างหน้ามัวแต่มองหาที่จอดรถ จนรถชนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลมาแล้ว เราเลี้ยงแมวที่เมืองไทย เรายังไม่ตามเก็บมูลแมวของเราเลย ปล่อยให้มันไปถ่ายตามใจ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าแมวเราไม่ได้ไปถ่ายตามถนน หรือไปถ่ายที่บ้านคนอื่นเค้า เรื่องขับรถเก่งกว่าคนอื่นก็ไม่น่าจะจริง จอดรถทุกครั้งก็ไม่ได้ดีเลิศทุกครั้ง ถึงจะพยายามให้อยู่ในช่องจอด แต่ก็เอียงบ้างเหมือนกัน
นี่แสดงว่าเราไม่ได้ดีกว่าคนอื่นอย่างที่เราคิดเลย เผลอๆจะแย่กว่าด้วยซ้ำ อย่างนี้แล้วเรายังจะกล้าตำหนิคนอื่นอีกหรือ เราคงไม่มีหน้าไปตำหนิใครอีก ต่อไปถ้านึกจะตำหนิใครจะน้อมทันทีให้เห็นว่าตัวเราเองนั้นไม่ได้ดีไปกว่าใคร จะได้นึกตำหนิคนอื่นน้อยลง