รองเท้าเทพประธาน

เราเป็นคนหารองเท้าใส่ยาก เนื่องจากเท้าของเราไม่ได้มาตรฐาน และตัวเราเองก็ทราบปัญหาดีอยู่ พยายามแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนรองเท้าบ่อยๆ เจอที่ถูกๆ ดีๆ ก็ซื้อเก็บไว้เรื่อยๆ จนวันหนึ่งน้องสาวแนะนำให้ไปร้านรองเท้าร้านหนึ่ง น้องบอกว่าร้านนี้เขามีการวัดเท้า และปรับรองเท้าให้เข้ากับเท้าของเจ้าของ เรากำลังอยากได้รองเท้าเดินป่าใหม่อยู่พอดี จึงไปตามคำแนะนำพร้อมกับกัลยานมิตรอีกสองคน เมื่อไปถึงร้านคนขายให้บริการทีละคนโดยเริ่มจากการวัดเท้า สังเกต ให้ความรู้ แนะนำว่าควรใช้รองเท้าแบบไหน ปรับแต่งรองเท้าให้เข้ากับเท้าของแต่ละคน ใช้เวลาในการซื้อทั้งหมด 2 ชั่วโมง สำหรับเราแล้ว ไม่เคยต้องใช้เวลาในการเลือกซื้อรองเท้านานขนาดนี้

เมื่อลองใส่รองเท้าคู่ที่เขาโมให้ ประกอบกับคำแนะนำเกี่ยวกับรองเท้าที่เหมาะกับเท้าของเรา เรารู้เลยว่ารองเท้าที่เราซื้อเก็บไว้เรื่อยๆ ใช้ไม่ได้ทั้งหมด ที่ยังไม่ได้ใส่ก็ไม่สามารถใส่ได้ เพราะมันไม่เหมาะกับเท้า ถ้าใส่ไปเราเองรู้ตัวเองเลยว่าสะโพกต้องเจ็บเหมือนที่เคยเจ็บอยู่บ่อยๆ เมื่อใส่รองเท้าคู่เดิมซ้ำไปสักพัก สรุปคือรองเท้าหกคู่ที่มีอยู่ถ้าไม่ทิ้งก็ต้องบริจาคทั้งหมด รู้สึกเสียดายเงินที่ซื้อรองเท้าสะสมไว้มาก เท่านั้นยังไม่พอเนื่องจากเชื่อคนขายรองเท้า เพราะคิดว่าเขามีความรู้ดี สิ่งที่เขาบอก ตรงกับปัญหาที่เราเป็น รองเท้าที่ซื้อจากเขามันต้องดีแน่ๆ จากที่จะซื้อรองเท้าคู่เดียว เราซื้อไปทั้งหมดสามคู่ ตัดใจเสียเงินแลกกับสุขภาพเท้าของตัวเอง คิดเสียว่าเดินทำงานเหนื่อยอีกสามวันก็จะได้ค่ารองเท้าใหม่กลับคืนมา

หลังจากที่ใส่รองเท้าคู่ใหม่เดินจากบ้านไปวัด จากวัดไปบ้านอยู่สามวัน รองเท้าที่ซื้อมาใส่ใหม่กลายเป็นรองเท้าเทพประทานในความรู้สึกของเราไปแล้ว มันใส่ดีมาก รองรับการเดินหมื่นก้าวต่อวันของเราได้เป็นอย่างดี นี่แหละสิ่งที่ฉันค้นหา กลายเป็นว่าเราสร้างเงื่อนไขกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว ยึดติดกับรองเท้าคู่ใหม่นั้น คิดแต่ว่าถ้าจะต้องเดินออกกำลังกายและเดินไปกลับระหว่างบ้านกับวัด เราต้องใช้รองเท้าเทพประทานที่ซื้อจากร้านนี้เท่านั้น

จนวันหนึ่งตั้งใจจะเดินออกกำลังโดยเริ่มเดินจากบ้านไปวัด แต่เพราะมีคนมาส่งที่บ้านในคืนนั้น เราลืมรองเท้าเทพประทานไว้ที่วัด เมื่อรู้ตัวว่าลืมรองเท้า คิดในใจว่าแม่เจ้า แล้วนี่ฉันจะเดินโดยปราศจาครองเท้าคู่พิเศษได้อย่างไร ถึงที่บ้านจะมีรองเท้าผ้าใบอีกคู่ แต่มันจะดีเหมือนคู่นั้นไหม นี่ถ้าเราเดินตรงไปวัดโดยไม่แวะข้างทางเหมือนที่ทำอยู่ทุกวัน เราจะต้องเดิน 4000 ก้าวเลยนะกว่าจะถึงวัด สะโพกฉันจะเจ็บขึ้นมาอีกไหม เท้าจะเป็นตะคริวหรือเปล่า ถ้าเดินไปกลางทางแล้วเดินไม่ไหวจะทำอย่างไร

หลังจากมโนไปไกลเรื่องไม่มีรองเท้าใส่เดินไปวัดในวันต่อมาก็เริ่มระลึก ได้ว่า ก่อนหน้าที่จะได้รองเท้าเทพประทานมา เราก็ใส่รองเท้าผ้าใบที่แม้จะไม่ได้โมให้รับกับสภาพเท้าของเรา เราก็สามารถใส่เดินไปกลับวันละเกินหมื่นก้าวมาแล้ว แย่ที่สุดก็แค่นั่งรถเมล์ต่อ มันไม่ได้ต่างไปจากชีวิตที่เราเคยมี เคยอยู่ ก่อนที่จะได้รองเท้าเทพประทานมา จะประสาทเสียไปทำไม ทำไมถึงปล่อยให้สิ่งของมาเป็นตัวตัดสินการกระทำของเรา เลยตัดสินใจว่าจะใส่รองเท้าคู่ที่มีอยู่แล้วเดินไปวัดอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

วันต่อมาก็ใส่รองเท้ากีฬาคู่ที่เหลืออยู่ที่บ้านไปวัด ระหว่างเดินก็คิดกลัวว่าเดินไกลแล้วจะมีปัญหา ก็ปรับหาเส้นทางที่เหมาะกับการเดินของเรา ผลปรากฏว่าเมื่อต้องเดินจริงๆ ก็ไม่เห็นจะเป็นอย่างที่คิดและกลัวไปเอง สิ่งที่เราต้องต่อสู้ด้วยคือความคิดกลัวต่อเงื่อนไขที่เราสร้างไว้เท่านั้น เมื่อกำจัดความคิดนั้นออกไปได้ เราก็สามารถทำในสิ่งที่ต้องทำได้เหมือนที่เราเคยทำ เสียเวลาเป็นบ้าที่ยึดอยู่กับรองเท้าเทพประทานไปทั้งคืน

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *