วันนี้พาลูกสาวทั้งคู่ไปทานข้าว ลูกน่ารักกันมาก คุยกันดีๆ ไม่ทะเลาะกัน ไม่แกล้งกัน ไม่โวยวาย แบ่งเพลงกันฟัง ถ่ายรูปให้กัน ดูเป็นพี่น้องที่รักกันดี สวรรค์ของแม่จริงๆ
เหตุการณ์นี้เป็นสวรรค์ของเรา
- เพราะเราอยากให้ ลูกเป็นแบบนี้มานานแล้ว เป็นพี่น้องแบบในฝันของเรา ที่เราคาดหวัง ตั้งแต่ตอนจะมีลูกคนที่ 2 แล้วว่า อยากให้เป็นแบบนี้ วันนี้เราได้เห็นอย่างที่เคยหวังไว้ เหมือน dream comes true
- เพราะ เมื่อเรามองเห็นครอบครัวไหน เป็นแบบนี้ เราจะมองด้วยความชื่นชม ดังนั้น เราเลยคิดว่า คนที่มองมาเห็นครอบครัวเรา ก็จะมองด้วยความชื่นชมเช่นกัน เลยรู้สึกภูมิใจ ลึกๆแล้ว เรายังรู้สึกอีกว่า คนชื่นชม เค้าต้องชื่นชมเราที่เป็นแม่ ว่าเลี้ยงลูกได้ดี อีกด้วย
- เพราะภาพแบบนี้ ทำให้เรารู้สึกว่า เราทำถูกแล้ว ที่มีลูก 2 คน ก่อนหน้านี้ ที่ลูกทะเลาะกัน เรารู้สึกผิดมาก ว่าเราอาจจะตัดสินใจผิด โดยเฉพาะ รู้สึกผิดต่อลูกคนโต ที่เค้าจะบอกตลอดเวลา ว่าไม่อยากมีน้อง ภาพลูกรักกัน เลยทำให้เรารู้สึกผิดน้อยลง
สวรรค์นี้จะหมดลงเมื่อไร
- สวรรค์นี้ พร้อมจะหายไปได้ตลอดเวลา เพราะ เด็กก็คือเด็ก ดีกัน เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน มันเป็นธรรมชาติ ของเด็ก ตัวเราเองถึงตอนนี้ จะรักกันดีกับน้อง แต่ตอนเด็ก ยังทะเลาะกับน้อง จนพ่อแม่เอือมระอาเหมือนกัน ถ้าเรายังไม่เข้าใจ ธรรมชาติของความสัมพันธ์แบบพี่น้องในข้อนี้ สวรรค์ของเราก็คง เดี๋ยวมา เดี๋ยวไป วันละหลายๆหน
- สวรรค์หายไป เมื่อเรามาคิดดูว่า เมื่อคนมองมา แล้วจะชื่นชม บางคนอาจจะไม่ชื่นชมก็ได้ อาจจะมองว่า ลูกเราเสียงดัง ไม่มีมารยาท โพสท่าถ่ายรูปเหมือนโตเกินไว ใส่หูฟัง ฟังเพลงตลอดเวลา ตั้งแต่เด็ก มันไม่ดี ทำไมแม่ถึงให้ฟัง ทำไมเลี้ยงลูกแย่แบบนี้ ก็เป็นไปได้ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนที่มองมา เค้ารู้สึกอย่างไร
- สวรรค์ที่เรารู้สึกว่า เราเลี้ยงลูกได้ดี หายไปทันที เมื่อมาคิดว่า จริงๆแล้ว ภาพพี่น้องคุยกันแบบนี้ มันเกิดเพราะเราจริงหรือ ถ้าเป็นเพราะเรา เราควรจะเห็นภาพแบบนี้ มาตั้งนานแล้ว เพราะเราพร่ำสอน ให้รักกันทุกวัน ทำไมเพิ่งมาเป็นตอนนี้ มันน่าจะเกิดจากตัวของลูกเอง อาจจะอารมณ์ดี หรือตัวเล็กเริ่มโต คุยกับพี่รู้เรื่อง ก็เป็นได้ ไม่น่าจะเป็ฯเพราะ เราเลี้ยงดี วันนี้ลูกเลยไม่ทะเลาะกัน
ผลเสียจากความพอใจที่ได้รับสวรรค์นี้
- โทษที่เห็นได้ชัดเจนคือ ความยึดติดของเรา อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป วันนี้เป็นแบบนี้ได้ วันต่อๆไป ก็ต้องเป็นได้ หากเรายึดติด และไม่พยายามเข้าใจ ธรรมชาติของเด็ก เราจะคาดหวังว่า ลูกจะต้องรักกัน คุยกันดีๆแบบนี้ตลอด ถ้าหากไม่เป็นแบบนี้ เราก็จะผิดหวัง สุดท้าย ก็คงต้องดุต้องว่าลูก คือ ลูกก็ทะเลาะกันเองอยู่แล้ว แล้วยังต้องมาทะเลาะกับแม่ เพราะแม่หวังอะไร ที่มันเป็นไปไม่ได้อีก ลูกเราช่างน่าสงสารจริงๆ
- จากเหตุการณ์นี้ เห็นเลยว่า เรามักจะ take credit จากการกระทำของคนอื่น ลูกรักกัน เราเลยมีความสุขมาก เพราะแอบคิดว่า เป็นความดีของเรา คิดไปเองยังไม่พอ ยังคาดหวังว่า คนอื่นจะรู้ด้วย ว่าสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นหน่ะ เป็นเพราะเรา ยังไม่พอ ยังคาดหวังอีกว่า เค้าจะต้องตอบแทน สิ่งดีๆ ที่เราทำด้วย ซึ่งเราก็จะมีอยู่ในใจ แล้วด้วย ว่าต้องทำอย่างไร กระบวนการความคิดทั้งหมดนี้ มันเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงแค่เราเห็นลูกนั่งคุยกัน ทั้งหมดนี่ก็เกิดขึ้นในหัวเราแล้ว ถามว่า แล้วคนอื่นจะมารู้รึเปล่า ว่าเราคิดอะไร ใครจะไปรู้ โดยเฉพาะ ลูก และสามี พอเค้าไม่รู้ เราก็ผิดหวัง เลยแสดงออกด้วยการ โกรธ งอน โวยวาย เสียใจ โห…. เป็นคนใกล้ตัวเรานี่ น่าสงสารจัง
- การเป็นคน take credit แบบนี้ไปเรื่อย จะทำให้เรา กลายเป็นคนคาดหวังสิ่งตอบแทน แม้บางครั้ง เราไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย และในทางกลับกัน จะทำให้เรา กลายเป็นคนที่ จะทำอะไร เมื่อเราคิดว่าเราจะได้ credit เท่านั้น ถ้าไม่ได้เราจะไม่ทำ โห… น่ากลัวจริงๆ