“น้อยใจ” ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับตัวเองบ่อยมาก ตั้งแต่เด็กจนโต แต่งงาน และมีลูก เรารู้สึกว่าเราทำทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก แต่ทำเท่าไหร่เค้าก็ไม่เคยพอใจ นี่คือความรู้สึก ที่เรามักจะมีกับคนใกล้ชิดในแต่ละช่วงชีวิตซึ่งก็คือ แม่ สามี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูก
กับแม่ เค้าไม่ค่อยชมเรา ไม่ว่าจะทำอะไร แต่เราอยากได้คำชม เลยคิดว่าที่ไม่ชมเป็นเพราะเค้าไม่พอใจ เช่นตอนเราทำงานใหม่ๆ มีรถขับไปทำงาน วันนึงเราขับรถชน พอกลับมาถึงบ้าน คำแรกที่แม่พูดแม่บอกว่าให้ขับให้ระวังกว่านี้ เราก็โวยวายไปว่า ใช่สิก็เราไม่ได้ดีเลิศหนิ ทำอะไรก็ผิดไปหมด
กับสามี เวลาเราแนะนำอะไร มักจะไม่ค่อยเชื่อเราทันที แต่ถ้าเพื่อนเค้าพูดในเรื่องเดียวกัน เหมือนที่เราพูด เค้าจะเชื่อ หรือชอบบ่นว่าบ้านรก เหมือนตำหนิเราว่าดูแลบ้านไม่ดี
ส่วนลูก จะบ่นสิ่งที่เราทำให้ตลอด ว่า ไม่ดี แม้แต่ทรงผม เสื้อผ้า ของเราก็ไม่ดี อาหารที่ทำให้ก็ไม่ดี เวลาไปรับ ก็ไม่อยากให้ลงไปรับจะให้รอในรถ เพราะอาย เวลาขอไปเที่ยวกับเพื่อน ก็ไม่อยากให้เราไปด้วย แต่ให้ไปส่ง แล้วถึงเวลาก็ค่อยมารับ
ก็เลยมานั่งคิดต่อว่าจริงเหรอว่าสิ่งที่เราทำให้ มันไม่ดี เค้าถึงทำแบบนั้น?
กับแม่ แม่เป็นคนนิสัยตรงๆ ไม่ได้อ่อนโยนเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เราทำให้ เค้าก็ไม่เคยปฏิเสธ บางครั้ง ถ้าเค้าปฏิเสธ คือเค้าเกรงใจ แล้วเราแอบไปได้ยินเค้าพูด กับเพื่อนสนิทว่า ตอนเค้าป่วยก็ได้เรานี่แหล่ะที่ดูแล นอกจากนั้นเราก็นึกถึงตัวเอง ในความเป็นแม่ สมมติถ้าลูกหกล้มกลับมา เราจะทำอย่างไร เราก็คงดูก่อนว่าเป็นอะไรไม๊ แล้วเราก็จะพูดว่า คราวหลังให้ระวังมากกว่านี้ นี่คือสิ่งเดียวกับที่แม่เราทำชัดๆ เพราะฉะนั้น กับแม่ แม่คงไม่ได้ตำหนิเราอย่างที่เราคิด ตอนที่เรายังไม่ได้เป็นแม่ เราก็ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่แล้ว ถ้าเป็นเรา ลูกขับรถชนมา เราคงไม่พูดแค่นั้น สารพัดคำบ่นคำดุคงพร่างพรูออกมา คิดแล้วก็น่ากลัว แม่เราแค่พูดประโยคเดียวสั้นๆ เรายังจำฝังใจมาจนทุกวันนี้ ถ้าเหตุการณ์เดียวกันเกิดขึ้นกับลูก แล้วเราทั้งบ่นทั้งดุ ลูกจะเป็นอย่างไร
กับสามี เวลามีเรื่องอะไร เค้ามักจะมาหาเราก่อน ถามเราก่อน พอเราแนะนำอะไร เค้าก็จะไม่เชื่อทันที ต้องไปถามความเห็นคนอื่นเพิ่มเติม นึกถึงธรรมชาติ ของเค้า กว่าจะซื้ออะไรซักอย่าง หาข้อมูลอยู่นั่น ไม่ว่าจะทำอะไร ต้อง safety first ต้องแน่ใจจริงๆ ถึงจะทำ แต่ถ้าเค้าไม่พอใจคำปรึกษาของเรา เค้าจะมาปรึกษาทำไม คำที่ได้ยินจากปากเค้าบ่อยมากคือ “เพื่อนเค้าพูดเหมือนตัวเองเป๊ะเลย” ถ้าเค้าเชื่อเพื่อนอย่างเดียว จะมาถามเราก่อนทำไม แล้วเราจะได้ยิน ประโยคนี้จากเค้าไม๊ ส่วนเรื่องบ่นว่าบ้านรก ก็เพราะธรรมชาติของเค้าเป็นคนมีระเบียบ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า สามีตำหนิเราที่ดูแลบ้านไม่ดี เพราะเค้าก็พูดเสมอๆว่า เค้าขอทำงานนอกบ้านดีกว่า เพราะงานดูแลลูกหนักกว่าทำงานนอกบ้านมาก แล้วเราจะมาน้อยใจอีกทำไม
กับลูก เราเลือกทำ เลือกหาสิ่งที่ เราคิดว่าดีที่สุด ให้เค้า แต่บางทีมัน ไม่ใช่สิ่งที่เค้าต้องการ ในเวลานั้นก็ได้ เช่น เราทำอาหารเช้าสดใหม่ให้ แต่เค้าอยากกิน leftover จากเมื่อคืน ก็แค่ความรู้สึกอยากกิน ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ดี หรือเรื่องที่ไม่อยากให้เราไปเจอเพื่อน ก็เป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่น หรือเค้าอาจจะกลัว โดนแม่ดุต่อหน้าเพื่อนก็ได้
แล้วเราหล่ะ เคยทำให้ลูกน้อยใจ ทำให้รู้สึกว่าทำเท่าไหร่ ก็ไม่ดีพอสำหรับเรารึเปล่า?
พอนั่งคิดดูดีๆว่า ลูกทำกับเราฝ่ายเดียวเหรอ เราเคยทำกับเค้าบ้างไม๊ ก็ต้องอึ้งไปเลย เรื่องราวผุดมาเป็นดอกเห็ด ตอนลูกเอาเกรดมาให้ดู มีเกรด A B แทบทั้งนั้น มีเกรด C ตัวเดียว สิ่งที่เราถามออกไปคำแรกคือ วิชานี้ทำไมได้ C ??? หรือตอนพาลูกไปเล่นเทนนิส วันนั้นเค้าพยายามมาก วิ่งไม่หยุด ตีได้ดีกว่าทุกวัน พอเค้ามาพัก เรากลับพูดออกไปว่า ลูกต้องแก้ไขตรงนี้นะ จะตีดีขึ้น ??? ตอนลูกมาบอกว่าเค้าทำการบ้านเสร็จแล้ว เราไม่ชมซักนิดว่าเค้ามีความรับผิดชอบ แต่ถามว่า แน่ใจนะว่าเสร็จหมดแล้ว ??? เพิ่งมาเห็นตัวเองว่า ไม่ว่าลูกจะทำดีแค่ไหน เราก็หาที่ติลูกได้เสมอ
นี่เรากำลังจะทำให้ลูกของเรากลายเป็นเด็กน้อยที่มีหัวใจเปราะบางและขี้น้อยใจ ไม่ต่างจากเรา อย่างนั่นหรือนี่!!!