ความเคยชิน

อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง สะดุดกับข้อความในหนังสือที่ว่า “อาจเพราะความชินตาจึงไม่เห็นค่าความงดงาม”

เรามีเจ้านายที่สนับสนุนเราทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ให้โอกาสในการทำงานสนับสนุนเราทุกเรื่องทุกอย่าง ทุกครั้งที่เราเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือ เจ้านายและครอบครัวจะยื่นมือเข้ามาช่วยเราตลอดเวลา แต่เราเอง เมื่อมีคนมาขอความช่วยเหลือจากเรา เรากลับทิ้งเจ้านายเราไปช่วยคนอื่น

เราไม่เคยคิดว่าการที่เราทำอย่างนั้นจะสร้างปัญหาให้กับเขาแค่ไหน เขาบอกเราแล้วว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเรา เราก็ไม่ได้ยิน ยังรั้นจะทำในสิ่งที่เราคิดว่าไม่เดือดร้อนใคร ทั้งที่เจ้านายไม่เห็นด้วย แต่เจ้านายและครอบครัวยังเมตตาและยังดีกับเรามากเหมือนเดิม แต่เราที่ไม่ดี กลับให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่า

หลายครั้งที่ตัวเองมองไม่ให้ความสำคัญกับคนที่เราควรให้ คนที่รัก ให้การสนับสนุน ให้โอกาสกับเรา โดยละเลยความรู้สึก ความต้องการของเขา โดยให้ความสำคัญกับคนอื่น เพราะเหตุลึกๆ มาจากที่คิดว่า การที่เราช่วยคนอื่นที่ไม่สามารถทำเองได้ เราจะเป็นฮีโร่ แต่ถ้าช่วยคนที่ช่วยตัวเองได้ เราจะเป็นแค่คนๆ หนึ่งเท่านั้นไม่ได้สำคัญอะไร

จนกระทั่งวันหนึ่งที่พ่อเราเสีย ก็ยังคงเป็นเจ้านายคนนี้และครอบครัวของเค้าที่ให้การช่วยเหลือและสนับสนุนเราในทุกกรณี ขนาดนั้นเราเองก็ยังจะไปคิดช่วยคนอื่นโดยที่มองข้ามความรู้สึกของเจ้านายเราอีก จนเจ้านายต้องแจงให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากการตัดสินใจของเรา แล้วบอกกับเราว่าเขาเหนื่อยกับเรามาก เขาคงต้องปล่อยมือจากเราแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ เราถึงเริ่มสะดุดและหยุดคิดได้ว่า ที่ผ่านมาเราทำถูกแล้วจริงหรือ เราละเลยความรู้สึกของเขาไปหรือเปล่า

คนที่ดีกับเรา เราควรมองเห็นเขาก่อนคนอื่น ความต้องการของเขาควรมาเป็นสิ่งแรกๆ โดยเฉพาะสิ่งที่เขาต้องการให้เราทำไม่ใช่เรื่องผิด แถมยังนำความเจริญมาสู่เรา และเราสามารถที่จะทำได้ แต่เรามองไม่เห็นตรงนั้น กลับเห็นผิดคิดไปเองว่า เขาทำได้ เขาเข้มแข็ง เขาฉลาด เข้าใจสถานการณ์ สามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง เลยเหมาเอาเองว่าไม่มีเราเขาก็ยังสามารถทำอะไรได้ดี

การที่เราคิดอย่างนั้นมันถูกแล้วหรือ องค์กรใหญ่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยคนๆ เดียวหรือ รถยนต์คันหนึ่ง สามารถขับเคลื่อนได้ ด้วยตัวมันเองหรือ คำตอบคือไม่ใช่

คนเก่งก็ต้องการคนมีความสามารถเข้ามาสนับสนุน กองทัพ องค์กร บริษัทที่เจริญเติบโตได้ ก็เพราะการร่วมแรงร่วมใจทำงานไปในทางเดียวกัน เพื่อบรรลุจุดหมายทำไมเราถึงคิดว่าทุกอย่างจะสำเร็จได้ด้วยคนๆ เดียว รถยนต์สามารถขับเคลื่อนและใช้งานได้ ต้องมีส่วนที่ประกอบให้เข้ากัน ต้องมีชิ้นส่วนใหญ่ ชิ้นส่วนเล็กๆ น็อตทุกตัว ฟันเฟือง ขอบยาง กระจก น้ำมัน น้ำมันหล่อลื่น ฯลฯ ถึงจะเป็นรถที่ใช้งานได้จริง เมื่อมันขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป จริงอยู่รถยังวิ่งได้ แต่ไม่ได้ด้วยประสิทธิภาพสูงสุด

เรื่องของเราก็เช่นเดียวกัน เจ้านายเราสามารถทำงานทุกอย่างที่ให้เราทำเองได้ แต่เขาไม่ได้มีงานเดียวนี่ เขามีธุรกิจมากมาย เขามีงานล้นมือ เราไม่เคยคิดตรงจุดนี้ มองข้ามความสำคัญของเรื่องนี้ไป ว่าที่เขาให้เราทำเพราะเขาพิจารณาดีแล้วว่าเหมาะว่าควร แต่เราก็ยังประมาทคิดว่าไม่เป็นไร คิดว่าเขาทำได้แก้ปัญหาได้ ให้ใครทำก็ได้ เราจะได้ไปช่วยคนอื่นก็ได้ คิดเองว่าเขาไม่เดือดร้อน อีกอย่างเราไปทำความดี ช่วยเหลือคนเจ้านายควรเห็นดีด้วย ควรยินดี ควรเมตตาเรา และต้องรู้สึกอยู่อย่างนั้นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่มีวันทิ้งเราไป

ช่วงที่เราเสียพ่อไป เราเกือบเสียเจ้านายไปด้วยเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โชคยังดีที่วันนั้นไหวตัวทัน กลับตัวกลับใจ หันมาทุ่มเทแรงกายแรงใจ เรายังสามารถทำทุกอย่างตัวเองอยู่ แต่จากนี้จะทำไปในทิศทางเดียวกันกับคนที่หวังดีและให้โอกาสเรามาตลอด การทำงานร่วมกันในวันนี้ ทำให้เราเห็นแล้วว่า รถจะวิ่งได้ งานจะเจริญได้ ไม่ใช่จากชิ้นส่วนอันใดอันหนึ่ง หรือจากคนๆ เดียว แต่มันต้องทุกอย่างประกอบกันขึ้นมา และทำงานในหน้าที่ของตนเอง แต่เป็นไปในทางเดียวกัน เพราะทุกชิ้นส่วน ทุกองค์ประกอบ ทุกคนมีความสำคัญเหมือนกัน อย่ามองข้ามเพราะความเคยชินว่ายังมีอยู่ มันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปไหน

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *