สังเกตุเห็นคราบแดงๆ และเชื้อราดำๆ ตามฝากระเบื้องและกระจกห้องอาบน้ำ ไปซื้อน้ำยาขัดอย่างแรงมา แล้วคราบเหล่านั้นก็ค่อยๆหมดไป แต่ไม่นานก็กลับมาใหม่ ต้องทำความสะอาดกันยกใหญ๋อีก เริ่มมาคิดว่า เราทำอะไร ความสกปรกถึงมาถึงจุดนี้ได้ตลอด เหมือนกับแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หลังจากปัญหาบานปลาย คราบและเชื้อราเหล่านี้เกิดจากความชื้น บวกกับคราบสบู่ และแชมพูที่เหลืออยู่ตามผนังจากการอาบน้ำ ที่อาบน้ำเสร็จไม่เคยเช็ดให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง นานๆเข้าก็สะสมกลายเป็นคราบอย่างที่เห็น
ไปซื้อที่รีดน้ำขูดผนังในห้องน้ำมาใช้ และตั้งใจว่าจะทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากอาบน้ำเสร็จ ทำไปได้ซักพักเริ่มขี้เกียจ วันไหนที่ทำงานดึกจนง่วง พอเข้าไปอาบน้ำก็ไม่อยากที่จะขูดกระจกกับผนังอีกแล้ว ใจนึกบอกว่าไม่เป็นไรหรอก คืนเดียว ช่างมันเถอะ นอนเลยเถอะ แต่อีกใจก็บอกไม่ได้ สัญญากับตัวเองแล้วไงว่าจะทำให้ได้ทุกวัน จะไม่มักง่าย เราจะไม่ทำให้ปัญหาบานปลายเหมือนครั้งก่อนๆ แล้วก็ชนะใจตัวเองได้ ขูดกระจกกับฝาหนังห้องน้ำทุกวันๆ เป็นเดือน จนกระทั่งกลายเป็นนิสัยใหม่ การเช็ดและทำความสะอาดห้องน้ำให้เรียบร้อย กลายเป็นส่วนหนึ่งของการอาบน้ำ ไม่ใช่ ส่วนที่ต้องทำเพิ่มเติมอีกต่อไป การทำความสะอาดห้องน้ำครั้งใหญ่อย่างที่เคยทำเหมือนเมื่อกอน มีน้อยมากและนานๆที ทำความสะอาดห้องน้ำแต่ละครั้งทำให้สะอาดได้เร็วขึ้นและ ไม่ต้องทำบ่อยๆเหมือนกับเมื่อก่อน
เมื่อวันก่อน ขนขยะออกไปทิ้ง ที่ทิ้งอยู่หน้าบ้าน จะต้องเดินออกจากประตูข้างหลังบ้านและเดินขึ้นเนินไปทิ้งขยะหน้าบ้าน เพราะสองมือถือถุงขยะ คิดว่า ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องล็อคประตูทางเข้าหรอก เดินออกไปแป็ปเดียวเดี๋ยวก็กลับเข้ามาแล้ว แต่เอะใจขึ้นมา ไม่เป็นไรจริงๆเหรอ นี่มันเหมือนเรื่องห้องน้ำอีกแล้ว ถ้ามักง่ายไม่ล็อกประตู เพราะคิดว่าไปแป็ปเดียว สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือนิสัยมักง่าย ความมักง่ายกำลังจะกลับมาอีก และก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาบานปลายเหมือนกับ คราบเชื้อราติดผนักห้องน้ำ ปัญหาบานปลายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ล่ะเช่น คนนอกอาจจะเข้ามา ประตุปิดแต่ไม่แน่นแล้ว ลมพัดเปิด เจ้าปั้นสิบหลุดออกไปกลางถนน หรือเด็กเล็กข้างบ้านที่แชร์ทางเข้าด้วยกัน หลุดออกไปแล้วโดนรถชนล่ะ ปัญหาบานปลายมากมายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่บอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องล็อคประตูก็ได้ เพราะออกไปแป็ปเดียว… หลังจากคิดได้ ผมวางถุงขยะลง ล็อคและเช็คประตูให้เรียบร้อย แล้วค่อยเดินขึ้นไปทิ้งขยะ
ผมได้อะไรหลายอย่างจากการขูดกระจกและผนังห้องอาบน้ำ ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจว่าทำไม ครูบาอาจารย์ สอนว่าการปฏิบัติธรรมคือการเปลี่ยนนิสัย ถ้าผมสามารถที่จะเปลี่ยน หรือ ลดนิสัยความมักง่ายลง ผมลดหรือไม่ต้องมาเก็บเศษ ไม่ต้องมานั่งแก้ปัญหาบานปลาย ไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน จากการกระทำที่คิดว่า ไม่เป็นไร นิดเดียว แป็ปเดียว การเปลี่ยนนิสัยทำให้เวลาจะทำอะไร จะพูดอะไร ผมคิดมากขึ้นรอบขึ้น เห็นความไม่เที่ยงมากขึ้น ที่บอกว่าไม่เป็นไรน่ะจริงเหรอ แน่เหรอ และการเปี่ยนนิสัยมักง่าย สร้างนิสัยใหม่ ทำให้จบ คิดให้รอบ สม่ำเสมอและอดน ผมเห็นว่าสำหรับผม การเปลี่ยนนิสัยควรเริ่มทำจากสิ่งเล็กๆ เอาเรื่องเล็กๆแต่ทำให้มันได้จริง พอขูดผนังขูดกระจกได้ทุกวัน ทำได้จริง มันเห็นผลและเกิดกำลังใจ แล้วคราวนี้มันเริ่มลามไปเรื่องอื่นๆ ได้เอง
เวลาผมคิดธรรมะก็ไม่ต่างกับ เรื่องขูดกระจกและผนักห้องน้ำเหมือนกัน หาเหตุเจอว่าทำไม ผนังยังมีคราบสกปรก ถ้ายังขี้เกียจ ถ้ายังมักง่ายที่จะไมอยากจะขูดผนังและกระจกเวลาง่วง เวลาเหนื่อย เหมือนกับเจอเหตุแต่ยังไม่ตีเหตุให้แตก ผมก็ยังจะต้องกลับมาเจอความทุกข์เดิมๆ จากเหตุเดิมๆอีก