ความได้เปรียบ

คนเรามีต้นทุนไม่เท่ากัน มีความเก่ง ความถนัดไม่เหมือนกัน คนที่มีความชำนาญ พรสวรรค์หรือแม้แต่มีบางสิ่งบางอย่างมากกว่าคนอื่นก็มักจะได้เปรียบคนที่มีน้อยกว่า เรามักจะมองแต่ด้านดีในการมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากกว่าคนอื่นโดยไม่ได้มองว่าจริงๆแล้วความได้เปรียบก็มักจะมีด้านไม่ดีติดมาด้วยเสมอ

ตอนเรียนเราได้ชื่อว่าเป็นคนเรียนเก่งได้คะแนนอันดับต้นๆของห้อง เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้ชื่อว่าเป็นท็อปของคณะ แต่ความเก่งนั้นก็มากับความรับผิดชอบที่มากกว่าคนอื่น ห้ามมาสาย ห้ามขาดเรียน ต้องนั่งหน้าห้องเสมอ ต้องตั้งใจ ต้องตอบคำถามได้ และต้องเป็นต้นฉบับให้เพื่อนๆถ่ายเอกสารทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจดมาจากห้องเรียน จนเกิดความรู้สึกว่านี่เราเรียนเพื่อคนทั้งห้องหรือเรียนเพื่อตัวเองกันแน่ นอกจากเรื่องเรียนก็เป็นเรื่องกิจกรรม เมื่อเราอาสาทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยครั้งหนึ่งแล้วผลงานค่อนข้างออกมาดีจากนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแม่กิจกรรม ไม่ว่าจะมีงานอะไรก็มักจะถูกเสนอชื่อให้รับผิดชอบเสมอและมักจะปฏิเสธไม่ได้ทุกครั้ง แม้กระทั่งเรียนจบแล้วก็ยังต้องทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวมของมหาวิทยาลัยมาจนถึงทุกวันนี้

เมื่อแต่งงานมีลูกเราโชคดีที่สามีให้โอกาสให้เราได้ดูแลลูกเต็มเวลาโดยไม่ต้องทำงานนอกบ้าน แต่ความโชคดีนี้ก็มาพร้อมความน้อยเนื้อต่ำใจว่าไม่สามารถหารายได้ด้วยตัวเอง ความเครียดที่อยากจะเลี้ยงลูกให้ดีให้คนอื่นชื่นชม สังคมที่หายไป ที่สำคัญที่สุดความโชคดีนี้กลับทำให้เราเลี้ยงลูกแบบผิดๆกลายเป็นทำร้ายลูกจนเกือบจะสายเกินแก้ ความโชคดีที่สามารถพาลูกมาเรียนที่อเมริกามาใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่คุณภาพชีวิตดีกว่า อากาศดี รถไม่ติด บ้านเมืองสวยงาม แต่ความโชคดีก็มาพร้อมความเหงาจับใจที่ต้องอยู่ห่างไกลครอบครัวและเพื่อนฝูง มาพร้อมกับความรับผิดชอบในทุกๆเรื่องโดยไม่สามารถหาคนมาแบ่งเบาภาระได้ มาพร้อมความลำบากในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศเมืองหนาวกับสภาพสังคมที่ต่างไป

เมื่อมานึกดูแล้ว ความได้เปรียบ ความเก่ง หรือความโชคดี ก็มักจะมาพร้อมความคาดหวังทั้งจากคนอื่นและจากตัวเราเอง โดยเฉพาะความคาดหวังหรือการคิดไปเองของตัวเราเป็นสิ่งที่ทำร้ายเราได้มากที่สุด เราคิดไปเองว่าคนที่เก่ง คนที่ได้เปรียบจะต้องเป็นอย่างไร เมื่อได้ความเก่งนั้นมาจะได้ประโยชน์อย่างไรและควรจะต้องทำอย่างไรเพื่อจะได้มาและเพื่อรักษาประโยชน์นั้นไว้ จากนั้นเราก็ปฏิบัติตัวตามที่เราคิดโดยที่สิ่งที่เราทำหรือแสดงออกมานั่นเองก็ส่งผลทำให้คนรอบข้างเกิดความคาดหวังในตัวเรา นั่นคือ เรานั่นแหล่ะทำตัวของเราเอง เราเป็นคนสร้างทุกข์จากความได้เปรียบให้ตัวเอง

ตอนเรียนที่เราต้องเรียนเพื่อคนอื่นก็เพราะเราเองที่อยากเป็นที่ยอมรับ อยากได้คำชม เราเองที่กระหายแวววตาชื่นชมจากอาจารย์จากเพื่อนๆ เราจึงพยายามอย่างมากที่จะเป็นที่หนึ่งเป็นที่พึ่งให้คนอื่น ซึ่งนอกจากเราจะยอมให้คนอื่นเอาเปรียบเรายังช่วยเพื่อนในทางที่ผิดเพื่อประโยชน์ของตัวเองอีกต่างหาก การได้ชื่อว่าเจ้าแม่กิจกรรมมันฟังดูดี ดูเท่ ดูเก่ง ที่สามารถทำกิจกรรม เป็นที่รู้จักของผู้คนมากมาย เมื่อเรียนจบแล้วที่เรายังไปช่วยงานสมาคมศิษย์เก่าก็เพราะอยากจะดูดีในสายตาของพี่ๆ อาจารย์และเพื่อนร่วมรุ่น เราจะปฏิเสธไม่ทำก็คงไม่มีใครว่าอะไรแต่เราเลือกที่จะไม่ปฏิเสธ และเมื่อไม่ปฏิเสธนานๆไปก็ทำให้คนคาดหวังว่าเมื่อใดที่ขอให้เราช่วยเราก็จะไม่ปฏิเสธ

เมื่อได้มีโอกาสเป็นคุณแม่เต็มเวลา เราก็คิดไปเองว่าเด็กที่ดีที่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีต้องเป็นอย่างไร เราวาดภาพลูกเราไว้ว่าจะต้องเติบโตขึ้นมาอย่างไร เราจึงทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการบังคับ การดุ การช่วยเหลือที่มากเกินไป การเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกเรื่อง การตัดสินใจแทนลูกทุกเรื่อง เพื่อให้ได้รับผลที่เราคิดไว้ นอกจากนั้นเรายังทำเพื่อให้คนอื่นเห็นว่า ถึงแม้เราจะไม่ได้ทำงาน เราก็ยังมีคุณค่าโดยสามารถเลี้ยงลูกให้ดีในสายตาคนอื่นได้ เราอ้างว่าทำเพื่อลูกแต่จริงๆแล้วทำเพื่อตัวเองทั้งสิ้น เราเลือกหยิบสิ่งที่เราคิดว่าดีกว่าคนอื่นมาทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนรอบข้างตลอดมา

จากนี้คงต้องมองให้เห็นถึงความจริงว่า ที่เราคิดว่าเก่ง เราได้เปรียบ เราโชคดีนั้นจริงหรือไม่ มองให้เห็นสิ่งที่มาควบคู่กับสิ่งเหล่านั้น พิจารณาให้เห็นว่าสาเหตุของทุกข์ของความลำบากที่เกิดขึ้นจากสิ่งเหล่านั้นว่าจริงๆแล้วเกิดจากอะไร และมองให้เห็นถึงความจริงว่าสิ่งที่เราทำเพื่อรักษาความเก่งความได้เปรียบนั้นมันจะส่งผลเสียอย่างไร ควรทำหรือไม่ เพื่อจะได้เลิกนำสิ่งที่เราคิดว่าเราดีกว่าคนอื่นมาทำร้ายตัวเองซะที

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *