ไปซื้อของที่ Costco เราจอดรถในช่องจอดอย่างเรียบร้อย พอกลับออกมาเห็นรถที่จอดตรงข้ามจอดเกินมาในช่องจอดด้านเราเยอะมากจนเกือบจะชนกัน จอดห่างจากหน้ารถเราประมาณนิ้วเดียวเท่านั้นเอง เห็นแล้วไม่แน่ใจว่าโดนชนรึเปล่า ต้องถอยรถตัวเองออกมาดูว่ามีร่องรอยชนไม๊ ดีที่ไม่โดนชน ในใจก็นึกตำหนิเจ้าของรถคันนั้นว่าไม่ได้สนใจอะไรเลยหรือว่าจอดรถเกือบจะชนรถคนอื่นอยู่แล้ว
ดูเฟสบุคเห็นเพื่อนแชร์คลิปแล้วเขียนว่า เวลาไฟเขียวควรรอสัก 1-2 วินาทีค่อยออกรถ ไม่อย่างนั้นอาจเป็นเช่นนี้ เลยเข้าไปดู เป็นคลิปรถติดไฟแดงอยู่แถวที่ 2 พอไฟเขียวรถที่อยู่แถวหน้าก็เคลื่อนรถออก คันนี้ก็กำลังจะเคลื่อนแต่ก็มีรถบรรทุกเบรคแตกพุ่งเข้ามาชนจากทางด้านขวาของรถแถวหน้าที่เคลื่อนออกไปแล้วอย่างแรง รถคันนี้เพราะออกตัวช้าจึงรอดหวุดหวิด
ได้ข่าวเพื่อนที่ปกติแข็งแรงดีออกกำลังกายประจำ วันที่พ่อเค้าเสีย เพื่อนคนนี้ไปรับศพพ่อแต่ตัวเองกลับช็อคหัวใจล้มเหลวที่โรงพยาบาลที่ไปรับศพ สมองขาดออกซิเจนเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง หัวใจหยุดเต้นต้องปั๊มหัวใจขึ้นมา ตื่นมาก็ยังไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้รึเปล่า
อะไรกันนี่ จากตัวอย่างข้างต้นมันแสดงให้เห็นชัดเจนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันอยู่เหนือความควบคุมของใครทั้งนั้น ตัวเราจอดรถระวังอย่างดี กว่าจะจอดได้วนหาที่ที่คิดว่าดีที่สุด เว้นระยะห่างรอบๆรถอย่างเหมาะสม แต่ก็ยังควบคุมคนอื่นให้จอดรถดีๆไม่ได้ ถ้ารถจะโดนชนมันก็โดนต่อให้ระวังแค่ไหนก็ตาม คนที่รอไฟแดง ปฏิบัติตามกฏจราจรทุกอย่างไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่ก็ยังโดนชนแบบไม่คากฝันจนได้ เพื่อนที่รักษาสุขภาพอย่างดี แต่ก็เกิดหัวใจล้มเหลวกระทันหันทั้งๆที่ไม่มีวี่แววมาก่อน อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดจริงๆ
ในเมื่อสิ่งต่างๆในโลก มันควบคุมไม่ได้ แล้วเราจะมาคิดว่าเราจะควบคุมทุกอย่างในชีวิตได้อย่างไร ตัวเราเองเรายังควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ เราพยายามออกกำลังกายอยู่เสมอเพราะหวังว่าเราจะควบคุมให้ร่างกายนี้แข็งแรง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย แต่วันนี้อยู่ๆก็ปวดหัวขึ้นมาทั้งที่ไม่ได้มีอาการไม่สบายอะไรมาก่อนมันจะปวดมันก็ปวดขึ้นมาซะอย่างนั้น เราพยายามทาโลชั่นที่มือ เวลาล้างจานก็ใส่ถุงมือตลอด แต่มือก็ยังแห้งจนแตกเป็นแผล ทั้งๆที่เราก็ป้องกันเป็นอย่างดี แล้วอย่างนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าภายในร่างกายของเรามันจะมีอะไรผิดปกติบ้าง จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราจะป่วยเมื่อไหร่ หรือแม้กระทั่งว่าเราจะตายเมื่อไหร่
ชีวิตตัวเองเรายังควบคุมไม่ได้ ทำไมเราถึงคิดว่าเราจะไปควบคุมชีวิตคนอื่นได้ โดยเฉพาะลูก ลูกต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ ลูกต้องดื่มนม ลูกต้องทานอาหารดีๆ ลูกต้องตั้งใจเรียน ลูกต้องเป็นเด็กดี ลูกต้องทำใหสิ่งที่เหมาะสม เรียกว่าเกือบทุกอย่างในชีวิตลูกตั้งแต่ลูกตื่นนอนจนเข้านอน แถมเรายังเป็นคนกำหนดอีกว่าต้องเข้านอนและตื่นนอนตอนไหน นี่ถ้าเข้าฝันไปควบคุมความฝันของลูกได้คงทำไปแล้ว ถ้าเราเป็นลูก เราคงอึดอัดน่าดู จะควบคุมอะไรกันนักหนา ลูกคงรอเวลาที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตของตัวเองโดยที่ไม่มีแม่มาควบคุมแทบจะไม่ไหวแล้ว
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่ควรทำในสิ่งต่างๆที่เราทำอยู่ เพียงแต่เราต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ว่าสิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การดูแลลูก การทำอาหารสดสะอาดให้ลูกทาน การวางแผนในการดำรงชีวิต และอื่นๆอีกสารพัดที่เราทำนั้น มันเป็นเพียงการลดความเสี่ยง เทียบได้กับการฉีดวัคซีนที่จะป้องกันโรคได้เพียงระดับนึงเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด ต้องเข้าใจว่าเราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด สิ่งที่จะทำได้คือไม่ประมาท ไม่เอาตัวเองหรือพาลูกไปเสี่ยง สิ่งที่ต้องทำหรือสิ่งที่ควรทำก็รีบทำเสีย ก่อนที่อะไรที่ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น และต้องเผื่อใจรับผลที่จะเกิดขึ้นทั้ง 2 ด้าน นั่นก็คือหลักของความไม่เที่ยงนั่นเอง จะพยายามหาตัวอย่างของการควบคุมไม่ได้มาพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจและรู้สึกได้จริงๆว่า เราไม่สามารถควบคุมอะไรบนโลกนี้ได้เลย