ของเรา

ได้มีโอกาสเข้าร่วมคลาสธรรมะของพระอาจารย์ซึ่งในตอนท้ายพระอาจารย์ได้เทศน์เกี่ยวกับความรักของแม่และถามคำถามผู้ที่เรียนในคลาสว่า ทำไมถึงรักแม่ คำตอบแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ เพราะเค้าเป็น “แม่ของเรา” ถึงจะมีใครที่ดีกับเรา รักเรา ทำเพื่อเราอย่างที่แม่ทำ แต่เราก็รักได้ไม่เท่าแม่เพราะเค้าก็ไม่ใช่แม่ของเรา เมื่อนึกไปถึงคนอื่นๆที่เรารัก เช่น สามี ลูกๆ คุณพ่อ น้องสาว หลานชาย ครูบาอาจารย์ เพื่อน หรือแม้แต่ ในหลวง ทุกคนที่เรารักจะต้องมีคำว่า “ของเรา” ต่อท้ายอยู่เสมอ แล้วสิ่งของที่เรารักหล่ะก็พบว่าทุกสิ่งที่มีความหมายกับเรามักจะลงท้ายด้วยคำว่า “ของเรา” ทั้งสิ้น รักของเรามันเป็นเช่นนี้เองหรือ

ตั้งแต่เกิดมาก็รักแม่ ตอนเด็กๆ ยังไม่รู้ความไม่รู้ว่าแม่ทำอะไรให้แค่ไหนแต่รู้ว่ารักแม่หวงแม่เหลือเกิน อยากให้แม่เป็นของเราคนเดียวไม่อยากแบ่งแม่ให้ใคร ทั้งๆที่ตอนนั้นแม่ต้องทำงานและพี่เลี้ยงจะเป็นผู้รับหน้าที่ดูแลทำทุกอย่างให้แทนแม่แต่เราก็ไม่รักพี่เลี้ยงเหมือนรักแม่ สำหรับคุณพ่อถึงแม้จะไม่ได้ดูแลเราเท่าไหร่เนื่องด้วยภาระการงานแต่เราก็ยังรักเพราะรู้ว่าคนนี้เป็นพ่อของเรา เรารักสามีเพราะเมื่อแต่งงานกันเค้าก็คือคนของเรา เราจึงยึดไว้ว่าเค้าจะต้องเป็นของเราตลอดไป เรารักลูกทำให้ได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเคยทุกข์หนักเพราะความรักลูกที่มากเกินไปเราก็ยังรัก ลูกคนอื่นที่น่ารัก ว่านอนสอนง่าย พูดจาไพเราะ เป็นแบบที่เราเคยอยากให้ลูกเราเป็นทุกอย่าง เราก็ได้แต่เอ็นดูแต่ไม่รักเพราะไม่ใช่ลูกของเรา

หลานชายอายุ 2 ขวบครึ่ง ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันแต่เราก็รัก ได้ไปเจอเด็กๆอายุไล่เลี่ยกันที่มาเล่นกับหลาน แต่ละคนก็น่ารักน่าเอ็นดูทั้งนั้นแต่เราก็ไม่รักยังไงก็รักแต่หลานของเรา  ได้ข่าวว่าเพื่อนเดือดร้อนเราก็ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่รู้จักแต่ไม่ได้สนิทไม่ได้คิดว่าเป็นเพื่อนของเรา เราก็ไม่สนใจจะให้ความช่วยเหลือใดๆ ครูบาอาจารย์ของเราที่เรานับถือ ใครจะมาดูหมิ่นลบหลู่ไม่ได้เราไม่ยอม แต่ครูบาอาจารย์ของคนอื่นโดนว่าโดนโจมตีไม่ว่าจะจริงหรือไม่เราก็เฉยๆ หรือหากมีแนวทางที่ต่างจากที่เราเชื่อเราก็กลับผสมโรงร่วมวิพาษณ์วิจารณ์ไปกับเค้าอีก เมื่อได้ข่าวว่าผู้นำประเทศอื่นๆ เสียชีวิตเราก็ได้แต่รับรู้ แต่เมื่อเป็นในหลวงของเราที่สวรรคต เรากลับเศร้าโศกเสียใจมากมายทั้งๆที่ทั้งชีวิตไม่เคยได้มีโอกาสเข้าเฝ้าหรือได้พบพระองค์ท่านเลยสักครั้ง

ข้าวของต่างๆที่เราหวงนักหวงหนา ไม่ว่าจะเป็น บ้าน รถ เสื้อผ้า ทรัพย์สิน เงินทอง โทรศัพท์ กระเป๋า รองเท้า ล้วนแต่ลงท้ายด้วยคำว่าของเราทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้หากเป็นของคนอื่นแล้วสูญหายหรือถูกทำลาย เราก็คงได้แต่เห็นใจไม่ได้ร่วมทุกข์ใจไปด้วย แต่หากเมื่อใดก็ตามที่สิ่งที่เสียหายนั้นมีคำลงท้ายว่า “ของเรา” แล้วละก็ เมื่อนั้น ความทุกข์ ความเศร้า ความเสียดาย จะมาเยือนเราทันที ยิ่งของมีปริมาณเยอะเท่าไหร่ เราก็ยิ่งต้องเจอกับความรู้สึกเหล่านี้บ่อยเท่านั้น ยิ่งของมีมูลค่ามากเท่าไหร่ ความรู้สึกก็ยิ่งเพิ่มพูนมากเท่านั้น นี่หมายความว่า ที่ผ่านมา ความอยากได้อยากมีเพื่อจะได้สิ่งที่ลงท้ายด้วยคำว่า “ของเรา” เพิ่มขึ้น ท้ายที่สุดมันกลับกลายเป็นการเพิ่มความทุกข์ ความเศร้า ความเสียดาย ให้กับตัวเราเองทั้งนั้น

นี่สินะคืออานุภาพความร้ายกาจของคำว่า “ของเรา” นึกถึงตอนที่ปากกาของเราที่มักจะติดไว้ในกระเป๋าหายไป เราหงุดหงิดไปทั้งวันกับปากกาเพียงแท่งเดียว แล้วถ้าเป็นสิ่งของทั้งหมดที่เรามีหล่ะ แทบไม่อยากจะคิดว่าเราจะต้องใช้เวลาเป็นทุกข์ หวงแหน เสียดาย กับสิ่งเหล่านั้นมากมายขนาดไหน นี่แค่นึกถึงการสูญเสียสิ่งของที่อยู่ในครอบครองเท่านั้นเรายังมองเห็นความทุกข์มากมายที่จะเกิดขึ้น แล้วหากเราต้องจากกับคนที่เรารักและผูกพัน ทุกข์นั้นจะสาหัสขนาดไหน ยิ่งมีคนที่เรารักจำนวนมากเท่าไหร่ ทุกข์ก็ยิ่งมากเท่านั้น แล้วเราจะรับไหวได้อย่างไร

ต่อจากนี้จะทำความเข้าใจ มองให้เห็นความจริงว่าสิ่งที่เรายึดว่าเป็นของเรา ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดทุกข์กับตัวเราทั้งนั้น การละเว้นไม่เสาะแสวงหาไม่เพิ่มปริมาณสิ่งของเพื่อมาเป็น “ของเรา” โดยไม่จำเป็นก็น่าจะเป็นหนทางในการไม่เพิ่มทุกข์ให้ตัวเองทางหนึ่ง  เมื่อไม่เพิ่มแล้วก็ต้องหาทางลดสิ่งของที่มีอยู่เดิม โดยเอาคำว่า “ของเรา” ออกจากสิ่งของนั้นๆ เริ่มจากของที่มูลค่าน้อยๆ และเพิ่มมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ มองให้เห็นความจริงว่าสิ่งเหล่านั้นมีวัตถุประสงค์ไว้ใช้เพื่ออะไร มองให้เห็นว่าการเสื่อมสภาพ แตกหัก สูญหาย เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยที่ยังคงทำการดูแลบำรุงรักษาตามที่สมควรไม่ได้ปล่อยปละละเลย พยายามลดคำว่า “ของเรา” ออกจากสิ่งรอบๆตัวไปเรื่อยๆ และหวังว่าการฝึกพิจารณาเช่นนี้ จะช่วยให้เรามีวิธีรับมือกับทุกข์หนักที่จะมาถึง ในยามที่เราต้องจากคนที่เรารักต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *