สังเกตุตัวเองเวลาออกไปวิ่งออกกำลังกายซึ่งก่อนออกวิ่งจะวางแผนล่วงหน้าว่าจะวิ่งไป trail ไหนแล้วกลับทางไหน ตามระยะทางที่ต้องการวิ่งและสภาพร่างกาย บ่อยครั้งที่ไม่สามารถไปตามทางที่คิดไว้ได้จนจบเพราะเกิดอาการเหนื่อยและท้อซึ่งมักจะเกิดตอนวิ่งไปได้ครึ่งทาง ทั้งๆที่ทางที่จะไปนั้นก็เคยไปและทำสำเร็จมาหลายครั้งแล้ว แต่เมื่อวิ่งไปเจอทางแยกที่กลับบ้านได้ก็ถอดใจและวิ่งกลับ ครั้งล่าสุดที่ออกไปวิ่งก็เกิดอาการนี้อีก โดยขณะที่จะใกล้จะถึงทางแยกก็หยุดชั่งใจว่าจะไปทางไหนดี
เมื่อมองไปยังทางที่ตั้งใจจะไปก็เห็นว่าอีกไกลมาก มองไปสุดลูกหูลูกตาทำให้เกิดอาการท้อขึ้นมาทันที เกิดความลังเลและอยากจะวิ่งไปยังทางแยกที่ใกล้กว่าแต่ก็เอะใจว่า นี่เรามัวไปคิดถึงแต่จุดหมายสุดท้ายมากเกินไปรึเปล่า เราอยู่ระหว่างทางแต่ใจเรากลับจดจ่ออยู่ที่จุดหมายสุดท้ายที่ไกลออกไปเลยเป็นเหตุให้เราท้อ ถ้าอย่างนั้นหากเรามุ่งไปยังจุดหมายใกล้ๆก่อนแล้วค่อยๆไปทีละนิดหล่ะจะเป็นอย่างไร จึงออกวิ่งต่อไปโดยนึกถึงจุดหมายที่อยู่ใกล้แล้วค่อยๆเลื่อนออกไป สุดท้ายเราก็สามารถวิ่งได้ครบระยะทางตามที่เราตั้งใจไว้จนได้
ทำให้เห็นว่าเรามีนิสัยคิดการณ์ใหญ่ คาดหวังและตั้งจุดหมายสูง แต่ก็เป็นคนที่ใจร้อน ไม่ค่อยมีความอดทน พร้อมจะยอมแพ้และท้อแท้ได้ง่าย บ่อยครั้งจึงทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจทั้งๆที่ทำมาเกินครึ่งทางแล้วและมักจะมองข้ามผลที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ไม่นำเอาผลนั้นมาเป็นกำลังใจให้ทำต่อเพราะจดจ่ออยู่กับจุดหมายปลายทางมากเกินไป
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเรื่องลูก เมื่อครั้งปฏิบัติแรกๆนั้นเราก็คาดหวังว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในเร็ววัน แต่เพราะตัวเรายังไม่เข้าใจและยังไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างแท้จริง ผลที่ออกมาก็เลยไม่เป็นไปยังที่หวังทำให้ตัวเองหมดกำลังใจและถอดใจอยู่หลายครั้งจนเกือบจะสายเกินไป ตอนนี้ถึงแม้จะเข้าใจและมองเห็นความจริงมากขึ้น แต่นิสัยตั้งจุดหมายสูงก็ยังเป็นมากอยู่ เรามัวแต่มองไปยังจุดหมายสุดท้ายที่เราตั้งไว้ว่าลูกจะช่วยเหลือตัวเองได้ดูแลตัวเองได้ตามที่เราคิด แต่เด็กก็คือเด็กทำได้บ้างไม่ได้บ้าง เราก็เอามาเป็นเหตุให้ตัวเองทุกข์ละท้อบ่อยๆ โดยที่ไม่มองผลที่เกิดขึ้นระหว่างทางว่าลูกได้เปลี่ยนแปลงได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นจากจุดเริ่มต้นบ้าง
ดังนั้นสิ่งที่ควรจะแก้ไขไม่ใช่การตั้งจุดมุ่งหมายให้ต่ำลง แต่เป็นการปรับใจเราไม่ให้จดจ่ออยู่ที่จุดหมายนั้นมากจนเกินไป มองให้เห็นความจริงว่ายิ่งเราตั้งจุดมุ่งหมายไว้สูงเท่าไร ก็ยิ่งต้องใช้ความพยายามและใช้เวลาในการที่จะเห็นผลมากเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นนิสัยตัวเองว่ายอมแพ้และท้อแท้ได้ง่าย เมื่อได้ตั้งเป้าหมายสุดท้ายไว้แล้วก็ควรจะตั้งเป้าหมายย่อยๆ ระหว่างทาง เพื่อให้ทำได้สำเร็จอย่างไม่ยากเกินไปและนำความสำเร็จนั้นมาเป็นกำลังใจให้ตัวเองทำต่อไป เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายสุดท้ายอย่างที่ตั้งใจไว้