จากการที่รู้สึกไม่พอใจกับคำถามของสามีที่ถามว่า “วันนี้แม่ทำอะไรบ้าง” นอกจากการที่เราเอาปมในใจของตัวเองไปใส่ไว้ในคำถามนั้นแล้ว ยังเห็นตัวเองอีกว่า เป็นคนที่ชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ความไม่พอใจที่เกิดขึ้นก็เพราะเมื่อเราเปรียบเทียบตัวเองกับสามีแล้ว เรารู้สึกว่าด้อยกว่าสามี หรือเหตุการณ์ที่เราขับรถชนแล้วเราไม่พอใจคำพูดของแม่ก็เพราะเรารู้สึกว่าแม่รักน้องมากกว่า นี่เพิ่งจะรู้ตัวว่าเราเป็นนักเปรียบเทียบตัวแม่คนนึงของวงการเลยทีเดียว
มานั้งนึกดู ในวันๆนึง เราเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เวลาลูกมาช่วยทำกับข้าวเราก็คิดเปรียบเทียบว่าลูกทำได้ไม่ดีเท่าเรา หรือแม้กระทั่งในการพูดเพื่อชมลูกเมื่อเค้ามาบอกว่าทำ test ได้คะแนนมากกว่าคะแนนเต็มเพราะทำคำถามโบนัส เรากลับชมลูกออกไปว่าเก่งจังแม่ยังไม่เคยได้คะแนนแบบนี้เลย หรือการที่เราออกไปวิ่งเกือบทุกวันนอกจากอยากจะให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ลึกๆก็ยังทำเพราะว่าคนอื่นๆทำไม่ได้แต่เราทำได้ แม้กระทั่งเมื่อไม่พอใจเพื่อนบ้านที่เปิดเพลงดัง ก็เพราะเราคิดว่า เรายังไม่ทำแบบนั้นเลยเพราะเรามีความเกรงใจคนอื่น เห็นได้ชัดว่าการเปรียบเทียบนั้นมันอยู่ใจกระบวนการความคิดของเราโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะพอใจหรือไม่พอใจอะไรก็ตามมักมีการเปรียบเทียบอยู่ในนั้นเสมอ
นอกจากนั้นยังเห็นว่า เราเป็นคนไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองและเบี่ยงเบนความผิดไปด้วยการแสดงความไม่พอใจ เราเป็นคนที่หาทางเอาตัวรอดจากความผิดด้วยการโยนความผิดให้คนอื่นอย่างหน้าตาเฉย ช่างร้ายกาจมาก! นึกถึงทุกครั้งเวลาทะเลาะกับลูกแล้วลูกบอกว่าทำไมแม่ไม่พูดดีๆทำไมต้องดุ เราก็จะแก้ตัวว่า เราไม่ได้ดุตั้งแต่แรกแต่พอลูกทำอย่างนี้แม่ถึงจะดุ ถ้าลูกไม่ทำแม่ก็จะไม่ดุ ลูกพูดเรื่องเราพูดไม่ดีกลับกลายเป็นลูกผิดที่ทำให้เราต้องดุ
เมื่อเร็วๆนี้เราติดต่อซื้อบ้านที่มี 3 ห้องนอนเพราะลูกคนเล็กเริ่มจะโตขึ้น ทางบริษัทที่ขายมีนโยบายไม่ขายให้ investor จึงขอให้เราทำจดหมายว่าเราต้องการซื้อบ้านเพราะอะไรและจะทำอย่างไรก็บ้านเก่า เราก็โทรไปหาเซลล์ว่าทำไมยุ่งยากเหมือนไม่อยากให้เราซื้อ กลายเป็นว่าเค้าไม่ต้อนรับเราไปซะอย่างนั้น หรือการที่เราทำ Auto payment สำหรับบัตรเครดิตบัตรหนึ่งแต่ไม่ได้เช็คว่าเรียบร้อยดีไม๊ แล้วกลายเป็นว่าไม่เรียบร้อยเราเลยไม่ได้จ่ายบัตรเครดิตไป 2 เดือนช่วงกลับไทยและโดนชาร์จค่า late fee เรากลับบอกว่า เรา set up ระบบแล้ว แต่ระบบของคุณไม่ดีเอง ทั้งๆที่ภายใน 2 เดือนนั้นเค้าก็พยายามติดต่อเราทาง e-mail ตลอดแต่เราไม่ใส่ใจเอง
เป็นไปได้ถึงขนาดนี้เลยนะตัวเรา ต่อไปจะพยายามลดการเปรียบเทียบที่เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติโดยการสังเกตุตัวเอง หรือเมื่อเกิดการเปรียบเทียบก็จะคิดต่อให้ได้ว่า เปรียบเทียบไปแล้วได้อะไร เราดีกว่าเค้าจริงหรือ เค้าดีกว่าเราจริงหรือ ผลเสียของการเปรียบเทียบที่จะเกิดขึ้นคืออะไร และจะพยายามแก้ไขนิสัยไม่ยอมรับผิดของตัวเอง มองให้เห็นว่าในเหตุการณ์นั้นๆ เราผิดตรงไหน ยอมรับความจริง ขอโทษให้เป็น และพยายามเลิกนิสัยโยนความผิดให้คนอื่นซะที เพราะเราไม่อยากให้ลูกเห็นสิ่งที่เราทำและซึมซับนิสัยโยนความผิดให้คนอื่นไปอย่างไม่รู้ตัว