ก่อนกลับเมืองไทยได้เอาต้นไม้ที่ปลูกไว้ไปฝากเพื่อนให้ช่วยดูแลระหว่างที่เราไม่อยู่ เป็นไม้เลื้อยชื่อว่าต้น Ivy ที่ชอบมาก ดูแลอย่างทะนุถนอม มีครั้งหนึ่งที่ลูกมาเล่นแล้วทำใบที่กำลังงอกใหม่หัก จำได้ว่าวันนั้นเราโกรธมาก แต่พอกลับมาจากเมืองไทยไปรับต้นไม้คืนและเอาของฝากไปให้เพื่อน ปรากฏว่า ต้นไม้ต้นโปรดของเรานั้น ตายเสียแล้ว! และสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราไม่โกรธเลยแม้สักนิดเดียว แถมยังเข้าใจได้ทันทีว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้นไม้จะตาย สิ่งที่ทำให้เราติดใจสงสัยก็คือ ทำไมเราถึงไม่โกรธ?
เมื่อมานึกเปรียบเทียบเหตุการณ์ตอนที่ลูกทำใบหักกับตอนที่ไปรับคืนแล้วรู้ว่าต้นไม้ตาย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ทำนองเดียวกันคือเกิดความเสียหายต่อต้นไม้ สิ่งที่ต่างกันก็คือความผูกพันของเรากับต้นไม้ต้นนี้ ช่วงที่เราดูแลต้นไม้เองนั้นเราดูแลอย่างดี เฝ้าดูทุกวัน พอเห็นมันออกใบใหม่ก็ดีใจที่เห็นมันเติบโต เมื่อลูกมาทำให้ใบหักต่อหน้าต่อตาจึงโกรธมาก พอเรากลับไทยทำให้ไม่ได้เห็นต้นไม้ต้นนี้เป็นเวลานานถึง 2 เดือนเต็ม ความผูกพันที่เรามีต่อต้นไม้ต้นนี้ก็ค่อยๆลดน้อยลงจนแทบจะไม่เหลือ เมื่อมารู้ว่าต้นไม้ตายไปแล้วจึงไม่ได้มีความโกรธหรือรู้สึกเสียใจ
แสดงว่า ความใกล้ชิดมีส่วนอย่างมากที่ทำให้เกิดความผูกพันทำให้เกิดการยึดติดอย่างไม่รู้ตัว นึกถึงแมวที่เราเก็บมาเลี้ยงซึ่งเราเคยรักมากตอนอยู่ไทยต้องเอามาอุ้มเอามากอดทุกวัน เมื่อห่างกันเป็นปีแล้วกลับไปเจอกับแมวตัวนี้ความรู้สึกของเราก็ไม่เหมือนเดิมแล้วไม่ได้อยากอุ้มอยากกอดเหมือนเดิมยิ่งถ้าไม่ได้อาบน้ำแล้วตัวเหม็นยิ่งไม่อยากกอด นึกถึงหลานชายซึ่งตอนอยู่ไทยเราจะไปหาทุกวัน เมื่อถึงเวลาที่เราต้องกลับอเมริกาก็เกิดความรู้สึกไม่อยากกลับเพราะคิดถึง แต่พอกลับมาความคิดถึงก็เริ่มน้อยลงจากที่เคยโทรหาทุกอาทิตย์ก็ลดจำนวนลงจนบางครั้งก็ลืมโทรหาเลยก็มี
จริงๆแล้วความผูกพันหรือการยึดติดลักษณะนี้ ยังเกิดกับสิ่งของที่เราใช้เป็นประจำทุกวันด้วยโดยที่เราไม่รู้ตัว หลายวันก่อนทำแว่นกันแดดที่ใช้เป็นประจำมา 5-6 ปีหายไป ทั้งๆที่เป็นแว่นที่ผ่านการใช้ง่ายมานานและใช้อย่างไม่ค่อยระวังจึงมีรอยขีดข่วนบ้าง แต่เมื่อหายไปเรากลับเสียดายมาก ขับรถกลับไปหาที่ที่คิดว่าลืมทิ้งไว้แต่ก็ไม่พบ ในที่สุดก็ต้องไปซื้อแว่นกันแดดใหม่มาใช้แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ชอบเท่าของเดิม แต่เมื่อนึกไปถึงแว่นที่เราทิ้งไว้ที่เมืองไทยถ้าหากมีใครมาบอกว่าหายไปเราก็คงไม่รู้สึกอะไร
แม้กระทั่งปากกาด้ามที่ใช้อยู่ทุกวัน มีอยู่วันหนึ่งเอาใส่กระเป๋าไปเผื่อว่าต้องใช้แล้วยังไม่ได้เอาออกมา บังเอิญว่าต้องใช้ปากกาที่บ้านเราจึงหยิบด้ามอื่นไปใช้ ความรู้สึกก็คือด้ามที่เราใช้เป็นประจำดีกว่า ทั้งๆที่เป็นปากกายี่ห้อเดียวกัน สีเดียวกัน แต่คนละด้ามเท่านั้นเอง เพียงแค่ของเล็กๆน้อยๆ เรายังผูกพัน เคยชิน และยึดติดขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นของชิ้นใหญ่ๆหล่ะ ช่วงนี้มีการคุยกับสามีว่าอาจจะต้องย้ายไปบ้านที่มี 3 ห้องนอนเพราะลูกคนเล็กเริ่มโตขึ้น แล้วสังเกตุตัวเองว่าช่วงนี้จะเศร้าๆ เหมือนมีอะไรรบกวนจิตใจ นี่สินะสาเหตุ ลึกๆแล้วเราไม่อยากย้ายบ้านเพราะเราผูกพันและยึดติดกับบ้านหลังนี้สินะ
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราไม่โกรธเมื่อต้นไม้ตายคือ เรารู้สึกว่าเราเป็นคนรบกวนให้เค้าดูแลต้นไม้ให้และด้วยเงื่อนไขที่เราจำเป็นต้องกลับเมืองไทยเป็นเวลานาน ทำให้จริงๆแล้วเราไม่ควรจะปลูกต้นไม้ที่ต้องได้รับการดูแลตลอดเวลาเช่นนี้ ดังนั้นเราจึงไม่รู้สึกว่าเราเสียประโยชน์ แต่ในกรณีที่ลูกทำต้นไม้หักเสียหาย เรารู้สึกว่าเป็นความผิดของลูกเพราะลูกไม่ระวังและเราเป็นคนที่เสียประโยชน์เพราะเราเป็นคนดูแลต้นไม้ในขณะนั้น นี่ก็แสดงว่า เราจะรู้สึกโกรธเมื่อเรารู้สึกว่าเรากลายเป็นคนที่เสียประโยชน์นั่นเอง
จากเรื่องแว่นตาและปากกาทำให้เห็นตัวเองได้ชัดว่าไปหลงยึดติดกับสิ่งที่คุ้นเคย สิ่งที่ใช้อยู่เป็นประจำเกิดความเคยชิน เมื่อสิ่งนั้นหายไปก็เลยทุกข์ทั้งๆที่ไม่ควรจะทุกข์กับเรื่องเพียงแค่นี้ ทำให้รู้ว่าเรายังเห็นผิดอยู่มากว่าของๆเราจะต้องอยู่กับเราไม่หายไปไหน สิ่งของเพียงเล็กน้อยยังรบกวนจิตใจเราได้ขนาดนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งที่มีมูลค่ามากๆ เช่น บ้าน หรือ รถ เราคงทุกข์มากมายกว่านี้หลายเท่า ต่อไปจะพยายามเตือนตัวเองไม่ให้ยึดติดพยายามไม่ผูกพันกับสิ่งต่างๆรอบตัวแบบนี้ ไม่ทำให้ตัวเองเคยชินและออกห่างจากสิ่งเหล่านั้นบ้าง พยายามฝึกจากสิ่งเล็กๆน้อยๆรอบตัวไปเรื่อยๆ และหวังว่าในวันใดที่เราต้องสูญเสียสิ่งที่เรามีความผูกพันมากๆไปจริงๆ สิ่งที่เราพยายามฝึกนี้คงจะพอบรรเทาทุกข์ที่จะเกิดในวันนั้นได้บ้าง