มองด้านเดียว

ได้มีโอกาสดูคลิปการแสดงเจ้าแม่กวนอิมภาคพันมือ โดยใช้ผู้แสดงกว่า 20 คน ในการเต้นให้พร้อมกันและจัดองศาของมือแต่ละคนอย่างพอเหมาะจนเมื่อมองด้านหน้าจะเหมือนคนคนเดียวแต่มีพันมือ เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจและรู้สึกชื่นชมในการฝึกซ้อมอย่างหนักของนักแสดงเพื่อให้การแสดงออกมาอย่างพร้อมเพรียงขนาดนี้ แต่ในคลิปนี้กล้องจะจับภาพด้านหน้าเป็นส่วนใหญ่เพื่อให้เห็นเป็นเจ้าแม่กวนอิมพันมือ มีบางครั้งที่จับภาพด้านข้างซึ่งจากมุมนั้นจะมองภาพรวมไม่ออกแต่กลับทำให้เห็นถึงการจัดวางท่าของแต่ละคนที่ทำให้ภาพด้านหน้าออกมาสวยงาม

มันทำให้เรารู้สึกว่า นี่เราถูกหลอกได้ง่ายๆอย่างนี้เชียวหรือ เพียงแค่เราเห็นภาพภาพหนึ่งเราก็เชื่อตามนั้นทันทีโดยที่ไม่ดูมุมอื่นของภาพหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะเชื่อเลย นึกถึงช่วงก่อนหน้านี้เป็นช่วงสอบ final เราค่อนข้างไม่สบายใจเพราะรู้สึกกังวลเรื่องการเรียนของลูกคนโต เพราะสิ่งที่เราได้ยินเค้าพูดตลอดเวลาคือ I don’t care, I give up หรือ I’m gonna cheat และ I will fail the test เราไม่รู้ว่าเค้าพูดเพื่ออะไรแต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราเชื่อ แล้วเราก็ทุกข์และตัดสินลูกไปแล้วว่าไม่สนใจการเรียนจากคำพูดเหล่านั้น

เราไม่คิดแม้แต่จะหาข้อมูลด้านอื่นๆ เช่นเข้าไปดูผลการเรียนใน website ของโรงเรียน หรือดูพฤติกรรมอื่นๆของลูกประกอบเลย เช่นการมาขอให้เราช่วยติวเลขให้ซึ่งถ้าไม่สนใจคงไม่ขอความช่วยเหลือ การที่ลูกหอบของไปโรงเรียนเต็มกระเป๋าทุกวัน การที่ลูกตื่นเช้าเพื่อไปโรงเรียนเองโดยที่ไม่ต้องปลุก การที่ลูก print งานดึกๆเพื่อไปส่งตอนเช้า feed back จากครู ที่ไม่ได้มีอะไรไม่ดีกลับมาเลย เกรดที่ได้ก็ถือว่าใช้ได้จัดไปทางค่อนข้างดีทีเดียว แม้กระทั่งวิชาเลขที่เค้าพูดตลอดเวลาว่า I hate Math!

นี่เราถูกหลอกให้เชื่อด้วยภาพด้านเดียวที่เค้าสร้างขึ้นมาโดยที่เราไม่ได้ดูด้านข้าง ด้านหลังของภาพเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเลย การด่วนสรุปของเรานั้นปิดกั้นไม่ให้เรามองเห็นความจริง และยังทำให้เรามานั่งทุกข์ หงุดหงิด อารมณ์เสียไปหลายวันโดยที่มันไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย นอกจากนี้ยังเห็นอีกว่า ที่เราเชื่ออย่างง่ายดายก็เพราะเราคิดไว้อยู่แล้ว เราเชื่อภาพเจ้าแม่กวนอิมพันมือเพราะเราเห็นอยู่แล้วจากชุดและท่าทางต่างๆของผู้แสดง คือการแสดงเป็นเจ้าแม่กวนอิม ในทำนองเดียวกัน ที่เราเชื่อคำพูดต่างๆของลูก นั่นก็เพราะเรามีอคติในใจอยู่แล้วว่า ลูกจะไม่สนใจการเรียน!

นึกถึงภาพที่เราเห็นลูกคนเล็กนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ เราคิดในใจไว้อยู่แล้วว่าลูกคนนี้เอาแต่เล่น เราจึงเชื่อภาพที่เราเห็นว่าลูกนั่งเล่นเกมโดยที่ไม่ถามไถ่เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม สิ่งที่เกิดขึ้นคือการดุทันทีที่เห็นซึ่งเมื่อมารู้ความจริงก็คือ ลูกเล่นเกมจริงแต่เป็นเกมที่เกี่ยวกับการเรียนและครูเป็นคนสั่งให้ทำเป็นการบ้าน ผลที่เกิดต่อเนื่องจากเหตุการณ์นี้คือการแอบเล่นคอมพ์ของลูกเพราะไม่อยากโดนดุถ้าหากแม่เห็น นี่แสดงว่า อคติในใจมีอิทธิพลอย่างมากทำให้เกิดการด่วนสรุปจากการมองเพียงด้านเดียว ส่งผลให้เกิดการกระทำที่ไม่สมควรและส่งผลต่อเนื่องไปยังพฤติกรรมของบุคคลอื่นที่มีต่อตัวเราต่อไป

นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยจริงๆ อคติในใจทำให้เราเป็นคนมองอะไรเพียงด้านเดียว และตัดสินคนอื่นจากอคติของตัวเองโดยไม่พยายามมองหาความจริงด้านอื่นๆเลย ดังนั้นต่อไป จะพยายามมองอะไรหลายๆด้าน หาข้อมูลจากหลายๆมุม ไม่ด่วนสรุปจากสิ่งที่เห็นในทันทีตามอคติที่มีในใจ และเมื่อได้เห็นความจริงในการมองต่างมุมบ่อยๆเข้าว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ก็อาจจะส่งผลให้อคติในใจค่อยๆลดลงได้ต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *