เมื่อพระอาจารย์ให้พิจารณาว่าบารมีข้อใดที่เรามีมากและข้อใดที่น้อยควรปรับปรุงจึงได้ลองมานั่งพิจารณาอย่างจริงจังในเรื่องบารมี และคิดว่าบารมีที่เราน่ามีมากนั่นก็คือ ศีล และ วิริยะ บารมีที่มีน้อยที่สุดน่าจะเป็นขันติ เนื่องด้วยเหตุผลประกอบดังนี้
ศีลบารมี เมื่อลองนึกถึงศีล 5 ก็ทำให้เห็นว่ามักจะมีเหตุบางอย่างที่เอื้อให้เรารักษาศีลบางข้อได้ง่ายดายอย่างที่ไม่มีความลำบากอันใดเลย เช่น ข้อที่เกี่ยวกับสุราของมึนเมา เราเคยลองดื่ม sparkling wine ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ดื่มเพียงแค่อึกเดียวหน้าก็เห่อเหมือนคนเป็นลมพิษ ตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มรู้ว่าเราแพ้ alcohol แต่ก็ไม่คิดว่าจะหนักหนาอะไร ผ่านมาจนช่วงทำงาน เราท้องเสียปวดท้องมาก เพื่อนเลยเอายาแก้ท้องเสียของเยอรมันซึ่งคล้ายๆวิสกี้ขวดเล็กๆให้กิน หลังจากดื่มเข้าไปก็หมดสติจึงได้รู้ว่าแพ้มากและไม่แตะต้องอีก เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆก็จะเป็นคนเดียวที่สนุกได้โดยไม่ต้องดื่ม
ในข้อไม่ฆ่าสัตว์ เราจะเป็นคนที่ไม่ค่อยกลัวสัตว์ เช่นพวก แมลงต่างๆ แมงมุม หรือจิ้งจก ตั้งแต่เด็กเราจะมีหน้าที่คอยจับสัตว์เหล่านี้ที่หลุดเข้ามาในบ้านไปปล่อยนอกบ้าน เราสามารถเอามือจับจิ้งจกไปปล่อยได้โดยไม่รู้สึกขยะแขยงอะไร สามารถเอาถุงมาจับแมลงวันได้ จนมีคนถามว่าทำไมไม่ตีให้ตายแล้วเอาไปทิ้งเราก็ไม่รู้ว่าทำไม สิ่งเดียวที่เราฆ่าคือยุงเพราะแพ้ยุงมากและเป็นคนที่ยุงชอบกัดมาก แต่เมื่อได้ตั้งใจว่าจะไม่ฆ่ายุงอีกโดยใช้วิธีป้องกันเอาด้วยยาทากันยุงหรืออะไรก็ว่าไป ก็มีเหตุให้เราย้ายมาอยู่ในที่ๆไม่มียุงเลยแม้แต่ตัวเดียว
ไม่พูดโกหก ถ้าในเรื่องโกหกก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยโกหกเสียทีเดียว แต่สิ่งที่ไม่เคยทำเลยคือพูดคำหยาบ ตั้งแต่เด็กมีเพื่อนมากมายหลายแบบทั้งที่พูดเพราะและไม่เพราะโดยเฉพาะในมหาวิทยาลัยการพูดคำหยาบเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าให้พูดถึงเราสิ่งที่เพื่อนๆจะพูดถึงเป็นเรื่องแรกคือไม่เคยพูดคำหยาบ ถามว่าทำไมไม่พูดก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมรู้แต่ว่าไม่พูด อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยทำก็คือการพูดให้ร้ายหรือว่าคนอื่นที่ไม่ใช่คนใกล้ตัว ซึ่งกับคนใกล้ตัวแล้วก็มักจะมีการพูดประชดประชันอยู่บ่อยครั้งเหมือนกันแต่ถึงแม้จะโมโหขนาดไหนสิ่งที่จะไม่หลุดออกจากปากเลยคือคำหยาบ
ข้อลักทรัพย์ ถึงจะไม่ใช่การขโมยโดยตรง แต่ถ้าเกิดการผิดพลาดเช่นคนขายคิดเงินขาดไป หรือ ทอนเงินเกิน แล้วเรารู้แต่เราไม่แก้ไข มักจะมีเหตุในทำนองเดียวกันเกิดขึ้นกับเราภายหลังโดยที่เราเป็นฝ่ายเสียหายและทุกครั้งความเสียหายจะมากกว่าที่เราได้มาหลายเท่า จากนั้นถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรที่เราเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้วเรารู้ เราจะแก้ไขทันที เช่น เจอของตก ก็จะคืนให้เจ้าหน้าที่จะไม่เก็บไว้ หลังทานอาหารจะเช็คใบเสร็จดูว่าคิดเงินถูกหรือไม่ถ้าไม่ถูกจะท้วงทันที ดังนั้นพวกมิจฉาชีพที่เอาของฟรีมาล่อจะไม่มีวันหลอกเราได้เพราะลึกๆแล้วรู้ว่ามันไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ
ในข้อกาเมสุมิจฉา ก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดในเรื่องนี้ ยิ่งตอนนี้แทบจะไม่สนใจเรื่องนี้เลย เพราะอยู่ที่นี่ก็อยู่คนเดียวไม่ค่อยได้เจอใคร แม้กระทั่งสามีตัวเองก็ได้เจอกันแค่ปีละ 2 ครั้ง ซึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่า การที่ต้องแยกกันอยู่ด้วยภาระหน้าที่แบบนี้ก็อาจจะเป็นการเอื้อให้เราสามารถละจากเรื่องนี้ก็เป็นได้
วิริยะบารมี สังเกตุตัวเองว่าเป็นคนมุ่งมั่นและมีความสม่ำเสมอ เมื่อตั้งใจจะทำอะไรก็สามารถทำต่อเนื่องได้เป็นเวลานาน เช่น เรื่องการวิ่งออกกำลังกาย ก่อนจะมาที่นี่ก็ไม่เคยวิ่งมาก่อนแต่เมื่อมาที่นี่ทุกอย่างแพงหมด การวิ่งจึงเป็นการออกกำลังกายที่เลือกทำเพราะไม่เสียเงิน เมื่อเริ่มแรกๆวิ่งเพียง 5 นาทีก็เหนื่อยแทบขาดใจ แต่ก็พยายามทำมาเรื่อยจนปัจจุบันนี้ สามารถวิ่งได้วันละ 1 ชั่วโมง ระยะทางไม่ต่ำกว่า 4 ไมล์ อาทิตย์ละ 2-3 วัน หรือเรื่องการศึกษาธรรมะและการส่งการบ้าน โดยการบ้านที่ส่งจะนำลงใน blog ด้วย ซึ่งมาถึงตอนนี้ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเขียนมาได้ เกือบ 80 เรื่องแล้ว และยังทำให้มองเห็นความจริงเกี่ยวกับตัวเองได้มากมาย
บารมีที่ควรปรับปรุงคือ ขันติ สังเกตุว่าตัวเองจะไม่ค่อยมีความอดทนกับสิ่งยั่งยุ เช่นการ shopping ถ้าเห็นของลดราคาก็มักจะใจอ่อนทั้งๆที่ไม่ได้จำเป็นอะไร การไม่อดทนต่อสิ่งที่เราไม่ชอบ เช่น พูดจาไม่ดีใส่เรา จากที่อารมณ์ดีๆก็เปลี่ยนเป็นโมโหได้ทันที หรือถ้าหากมีใครทำให้เราเจ็บตัวก็จะโกรธทันทีไม่ว่าเค้าจะตั้งใจหรือไม่ จะเห็นได้ว่า สิ่งที่เราจะไม่ทนมักจะเกี่ยวกับเรื่องที่เราเสียประโยชน์ทั้งนั้น ซึ่งเป็นผลจากการที่มีคำว่า ตัวของเรา เข้ามาเกี่ยวข้อง และนี่ยังเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เราโดนเล่นงานจนทุกข์ตรมโศกเศร้าอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจะพยายามปรับปรุงเรื่องขันติควบคู่ไปกับการพิจารณาตนและของของตนไปพร้อมๆกัน